ปัญหาขาหนีบดำแม้ว่าจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในที่ลับก็ตาม แต่หากความดำมาเยือนขาหนีบแล้ว มันก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับสาว ๆ ที่ชอบนุ่งบิกินี่ตัวจิ๋วหรือใส่ชุดว่ายน้ำก็มักจะเกิดอาการกังวลใจ ใส่แล้วเกิดความไม่มั่นใจ ทำให้ถึงกับไม่กล้าจะสวมใส่มันอีกเลยทีเดียว
สาว ๆ คนไหนที่กำลังประสบปัญหาขาหนีบดำจนทำให้เสียความมั่นใจ บทความนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาขาหนีบดำง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน แบบเร่งด่วน ด้วยธรรมชาติ มาฝากสาว ๆ ทุกคนด้วยค่ะ เพื่อคืนความขาวใสให้กับขาหนีบ เรียกความมั่นใจเวลาใส่บิกินี่กลับมา ก่อนอื่นก็ต้องรู้ก่อนว่าขาหนีบดำเกิดจากอะไร ดังนั้น อย่ารอช้ารีบตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

ขาหนีบ คือบริเวณไหน?
ขาหนีบ หรือ กล้ามเนื้อโคนขาหนีบ จะอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างกระดูกเชิงกรานและหัวเข่า โดยขาหนีบเป็นกล้ามเนื้อที่มีความยืดหยุ่นสูง และใช้ในการหุบสะโพก
ขาหนีบดำ เกิดจากอะไร?
ขาหนีบดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- การเสียดสี ขาหนีบทั้ง 2 ข้างอาจเกิดการเสียดสีกับกางเกง โดยจะเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ออกกำลังกายหรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ซึ่งการเสียดสีเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวหนังไหม้ เป็นรอยคล้ำ และอาจเกิดผื่นแดงขึ้นได้ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจมีอาการบวม เลือดออก หรือเป็นแผลถลอกได้
- การตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ ส่งผลให้เม็ดสีบริเวณต่าง ๆ ดำคล้ำขึ้นได้ เช่น หัวนม ริมฝีปาก และขาหนีบ ด้วยนั่นเอง ซึ่งรอยคล้ำดังกล่าวอาจมีสีเข้มขึ้นได้หากผิวบริเวณนั้นสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน
- โรคผิวหนังช้าง เกิดจากการมีสารอินซูลินในร่างกายมากเกินไป ทำให้เม็ดสีเพิ่มปริมาณขึ้นจนเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ และมีผิวหนังลักษณะแข็งคล้ำเกิดขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ เช่น มือ ริมฝีปาก ต้นคอ และขาหนีบ ซึ่งจะพบในผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน และอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และความผิดปกติของต่อมหมวกไตหรือต่อมใต้สมอง เป็นต้น ซึ่งโรคผิวหนังช้างอาจเป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย เช่น ภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวาน
- การใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น ยารักษาโรคไทรอยด์ ยาคุมกำเนิด โกรทฮอร์โมน หรืออาหารเสริมสำหรับนักเพาะกาย ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ระดับอินซูลินในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อเม็ดสีของผิวหนัง ทำให้ขาหนีบดำคล้ำขึ้นได้
- ฮอร์โมนผิดปกติ ผู้หญิงบางคนอาจสังเกตเห็นว่าขาหนีบมักจะมีสีคล้ำขึ้นในช่วงมีประจำเดือน หรือมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS) ก็อาจส่งผลให้มีขาหนีบดำคล้ำได้เช่นกัน รวมไปถึงความเครียดในชีวิตประจำวัน หรือความแปรปรวนจากการใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งเมื่อฮอร์โมนเกิดความไม่สมดุลในร่างกาย ก็ส่งให้ผิวหนังมีเม็ดสีดำ คล้ำมากขึ้นได้

ขาหนีบดำมีผลเสียอย่างไรบ้าง
ทำให้คนที่มีปัญหาขาหนีบดำ ขาดความมั่นใจได้ เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนประสบกับปัญหานี้ เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ต่างอยากใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบิกินี่ออกมาแล้วสวย หุ่นดี ผิวเรียบเนียน แต่ก็แอบรู้สึกกังวลในรูปร่างของตัวเองที่อาจมีไขมันส่วนเกินในร่างกาย รวมถึงมีปัญหาขาหนีบดำที่ทำให้หมดความมั่นใจจนไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบิกินี่
13 วิธีแก้ขาหนีบดำง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน แบบเร่งด่วน ด้วยธรรมชาติ
ขาหนีบดำที่ทำให้เสียความมั่นใจ แต่ไม่ต้องกังวลใจ เพราะเรามีวิธีแก้ขาหนีบดำง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน แบบเร่งด่วน ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติมาให้ทุกคนที่กำลังประสบปัญหาได้ลองนำไปทำตามดูกันค่ ะจะมีวิธีอะไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ

1. น้ำมันมะพร้าวและน้ำมะนาว
น้ำมะนาวที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสามารถช่วยรักษารอยดำได้ และน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว วิธีทำคือ ผสมน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมะนาวครึ่งลูก จากนั้นนำมาถูบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

2. มันฝรั่ง
มันฝรั่งมีเอนไซม์ที่เรียกว่า cathepsin D สามารถช่วยรักษาผิวที่เสียหายได้ นอกจากนั้น ยังสามารถช่วยลดรอยช้ำดำบนผิวหนังได้อีกด้วย วิธีทำคือ หั่นมันฝรั่งเป็นเส้นบาง ๆ จากนั้นนำมาถูบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์

3. น้ำตาล
น้ำตาลสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปได้ วิธีทำคือ นำสครับน้ำตาลมาขัดให้ทั่วบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สคลับน้ำตาลก็จะช่วยฟื้นฟูขาหนีบที่ดำได้

4. โยเกิร์ตและข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตมีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งจะใช้รักษาโรคกลากและผิวหนังอักเสบอื่น ๆ ได้ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสารขัดผิวที่อ่อนโยน วิธีทำคือ ผสมข้าวโอ๊ตกับโยเกิร์ตซึ่งมีกรดแลคติกและแหล่งของโปรไบโอติก เข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาขัดถูบริเวณขาหนีบ ก็จะช่วยให้สุขภาพผิวบริเวณขาหนีบดีขึ้นได้

5. ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้หรือเจลว่านหางจระเข้จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวหนังได้ เนื่องจากมีสาร Aloin ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินให้ผิวมีความกระจ่างใส นอกจากนั้นเจลว่านหางจระเข้ยังช่วยปรับสภาพผิวและลดความหมองคล้ำได้ด้วย วิธีทำคือ นำเจลว่านหางจระเข้มาทาบริเวณขาหนีบเป็นประจำทุกวันโดยไม่ต้องล้างออก

6. มะนาว
มะนาวมี AHA ซึ่งเป็นกรดผลไม้อย่างหนึ่ง ที่มีฤทธิ์ในการช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว วิธีทำคือ ให้ใช้เปลือกมะนาว นำมาทาถูบริเวณขาหนีบทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จแล้วก็บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ตามค่ะ

7. มะขามเปียกและน้ำผึ้ง
มะขามเปียกเป็นสมุนไพรที่มีกรด AHA ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ทำให้ผิวถูกสร้างขึ้นมาใหม่และกระจ่างใสกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเป็นอาหารผิวชั้นดี ที่อุดมไปด้วยวิตามิน A, B2, C, ฟอสฟอรัส, ไขมัน, โปรตีน, แคลเซียม, กรดซิตริก และกรดทาทาริค ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลผิว ในการช่วยลดความหมองคล้ำ ทั้งรอยดำ ฝ้า กระ ให้ดูจางลง วิธีทำคือ นำมะขามเปียกผสมกับน้ำผึ้งและน้ำอุ่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาทาถูและขัดเบา ๆ ให้ทั่วบริเวณขาหนีบทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

8. โยเกิร์ตและเบกกิ้งโซดา
โยเกิร์ตมีสรรพคุณช่วยให้ผิวกระจ่างใสและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อนำมาผสมกับเบกกิ้งโซดาก็จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน วิธีทำคือ ผสมโยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะกับเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาขัดผิวให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด ผิวก็จะเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ควรทำซ้ำสัปดาห์ละครั้ง
9. น้ำผึ้ง น้ำมะนาวและน้ำตาล
ส่วนผสมทั้ง 3 ชนิดจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป ทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ขึ้นมา นอกจากนั้น ยังช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเป็นอย่างดี วิธีทำคือ นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาวครึ่งลูก และน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้สครับบนบริเวณขาหนีบ โดยขัดวนเป็นวงกลมจนน้ำตาลละลาย ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด

10. อัลมอนด์ น้ำผึ้ง นมสด และน้ำมะนาว
น้ำมันอัลมอนด์เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีต่อผิวกายทุกส่วน ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น แถมยังมีกลิ่นหอม ๆ ทำให้ผ่อนคลายอีกด้วย เมื่อนำมาผสมกับน้ำผึ้ง นมสด และน้ำมะนาวที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก ให้ผิวเนียนกระจ่างใส วิธีทำคือ นำน้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนชา, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, นมจืด 2/3 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาวครึ่งลูก และเมล็ดอัลมอนด์บด นำมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาทาบริเวณขาหนีบทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นก็ค่อย ๆ สครับออกกับน้ำสะอาด
11. น้ำผึ้งและเปลือกส้ม
เปลือกส้มมีสรรพคุณในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วให้กลับมาสวยสดใสดังเดิม วิธีทำคือ นำมีดมากรีดเปลือกส้มเบา ๆ ให้มีรอยเปิด แล้วนำมาขยี้และบีบผสมกับน้ำผึ้ง ใช้ขัดผิวเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด

12. ขมิ้นผง มะขามเปียก และนมสด
ขมิ้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ผลัดเซลล์เก่าออกอย่างอ่อนโยน วิธีทำคือ นำขมิ้นผงมาผสมกับมะขามเปียก และนมสดในปริมาณเท่า ๆ กัน พอให้ข้นเป็นเนื้อเดียวกันจากนั้นนำไปขัดวนบริเวณขาหนีบทั้งสองข้างเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด

13. น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ
น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโมมายล์ น้ำมันอัลมอนด์ หรือน้ำมันดอกลาเวนเดอร์ ก็สามารถนำมาใช้ทาเพื่อช่วยลดเลือนรอยด่างดำ ลดปัญหาผิวหยาบกร้าน และช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มได้ วิธีทำคือ นำน้ำมันสกัดจากธรรมชาติมาทาบริเวณขาหนีบเป็นประจำทุกวันก็จะช่วยทำให้ขาหนีบขาวกระจ่างใสขึ้นได้ แถมยังเป็นการบำรุงผิวไปในตัวอีกด้วย

การดูแล และป้องกันไม่ให้เกิดขาหนีบดำ
ปัญหาขาหนีบดำจะสามารถดูแล และป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- สวมใส่เสื้อผ้าทรงหลวม ไม่คับแน่นจนเกินไป และควรเป็นเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน
- ควรสวมกางเกงผ้าไนลอน หรือกางเกงสำหรับใช้วิ่งโดยเฉพาะในขณะที่ออกกำลังกาย เพื่อป้องกันผิวหนัง และขาหนีบเกิดการเสียดสีจนระคายเคือง และเกิดปัญหาขาหนีบดำ
- หมั่นดูแล รักษาความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวบริเวณขาหนีบเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเซลล์ผิวหนังเก่าที่ตายแล้ว และทาครีมบำรุงบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังบริเวณขาหนีบ
- หลีกเลี่ยงการโกนขนหรือแว็กซ์ขนบริเวณจุดซ่อนเร้น ไม่ให้บ่อยจนเกินไป เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเมื่อต้องออกแดด โดยเฉพาะเวลาสวมชุดว่ายน้ำและพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังสัมผัสแสงแดดหากทำได้
- ทาปิโตรเลียมเจล หรือทาแป้งเพื่อดูดซับความชุ่มชื้นบริเวณขาหนีบ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังบริเวณนั้น และลดการเสียดสีของผิวหนังลง
Q&A เกี่ยวกับวิธีแก้ขาหนีบดำ
Q : ใส่กางเกงในแบบไหน ไม่ให้ขาหนีบดำ ?
A : สาเหตุของการเกิดขาหนีบดำมาจากการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับกางเกงในที่สวมใส่ ซึ่งปกติแล้วผู้หญิงมักจะใส่กางเกงในแบบบิกินี่ ผลเสียก็คือทำให้เนื้อบริเวณต้นขาทั้งสองข้างเสียดสีกัน ดังนั้นหากอยากลดปัญหาการเสียดสีของต้นขา ควรเลือกสวมใส่สเตย์หรือกางเกงซับในแบบที่มีขา เท่านี้ก็ลดปัญหาขาหนีบดำได้แล้ว
Q : ใช้วาสลีนทาขาหนีบได้ไหม ?
A : วิธีที่สามารถป้องกันการเสียดสีของผิวหนังได้ดีที่สุด และช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ขาหนีบโดนเสียดสีก็คือ ‘วาสลีน’ โดยนำวาสลีนมาทาในจุดที่มีโอกาสจะเสียดสีให้ทั่วทั้งบริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้าง จะช่วยหล่อลื่นจุดเสียดสีต่าง ๆ แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะวาสลีนจะหลุดไว เพราะวาสลีนมีคุณสมบัติกันน้ำ เหงื่อไม่เกาะ น้ำไม่เกาะ ทาทีเดียวอยู่ทนตลอดทั้งวันนั่นเอง

สรุป การแก้ขาหนีบดำ แบบเร่งด่วน ด้วยธรรมชาติ เห็นผลจริงไหม ?
วิธีแก้ขาหนีบดำ แบบเร่งด่วน ด้วยธรรมชาติที่เราได้นำมาฝากสาว ๆ ทุกคน นอกจากจะเป็นวิธีที่สามารถทำเองได้ที่บ้านแบบง่าย ๆ แล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาขาหนีบดำได้เห็นผลอีกด้วย เพียงแค่สาว ๆ หมั่นทำตามวิธีต่าง ๆ ที่เรารวบรวมมาให้เป็นประจำ และดูแล ป้องกันการเกิดขาหนีบดำ พยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะส่งเสริมให้เกิดขาหนีบดำได้ เพียงเท่านี้ก็เชื่อได้ว่าขาหนีบของสาว ๆ จะสามารถกลับมาขาวกระจ่างใสได้ดังเดิมอย่างแน่นอน
เอกสารอ้างอิง
Jay K. (2023, February 13). What causes dark inner thighs and how can you treat and prevent this symptom?. Healthline. https://www.healthline.com/health/dark-inner-thighs
Fletcher J. (2019, June 25). Treatments and remedies for dark inner thighs. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/325551