สำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าสู่วงการนักชิมไวน์ หรือต้องเข้างานสังคมที่มีการเสิร์ฟไวน์ แล้วกลัวที่จะเขินอาย เพราะดื่มไวน์แบบถูกวิธีไม่เป็น ก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เราได้สรุปวิธีการดื่มไวน์ที่ถูกต้องตามหลักสากลมาให้แล้วในบทความนี้ เพราะฉะนั้น มือใหม่ของวงการนักชิมไวน์ต้องรู้อะไรบ้าง บทความนี้มาเฉลยให้แล้ว ตามมาดูกันเลยค่ะ

ไวน์ คืออะไร
ไวน์ (wine) เป็นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ที่ได้จากการหมักน้ำผลไม้ กับยีสต์ โดยมีการควบคุมการหมักอย่างเหมาะสม โดยจะนิยมนำมาดื่มคู่กับเมนูอาหารแล้ว ยังนิยมนำไปปรุงรสอาหารด้วย สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ไวน์ทำอาหาร และไวน์สำหรับดื่ม ซึ่งมีความแตกต่างกันที่คุณภาพ ซึ่งไวน์สำหรับดื่ม จะมีความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบ และการบ่มมากกว่านั่นเอง นอกจากนั้น ไวน์ที่ดื่มกันในท้องตลาด มีมากมายหลายชนิด อาจเรียกชื่อตามประเภทของผลไม้ ชื่อผู้ผลิต หรือปริมาณของแอลกอฮอล์เป็นเกณฑ์ เช่น ไวน์แอปเปิ้ล ไวน์หม่อน เป็นต้น แม้แต่ผักบางชนิด ก็สามารถที่จะหมักทำเป็นไวน์ได้ ซึ่งมีรสที่แตกต่างกันไป
ไวน์ มีกี่ประเภท
ไวน์มีหลายประเภท แต่ที่นิยมคือ ไวน์ขาว และไวน์แดง ไวน์ขาวและไวน์แดงทำมาจากองุ่นหลายพันธุ์ และคือความแตกต่างที่สำคัญที่สุดในการจัดประเภทไวน์ ไวน์แดงมักทำจาก Pinot Noir, Merlot Cabernet, Sauvignon, Zinfandel และ Syrah ในขณะที่ไวน์ขาวทำจาก Sauvignon Blanc, Chardonnay, Pinot Grigio, Riesling และ Sémillon ซึ่งรสชาติก็จะแตกต่างกันไปตามประเภท ดังนี้
- ไวน์แดง จะมีความเข้มข้นในเนื้อไวน์ที่หนักขึ้นรวมถึงจะมีรสฝาดมากกว่าไวน์ขาว ไวน์แดงจะให้รสฝาดนำ แล้วตามมาด้วยรสเปรี้ยวหวานซ่อนใน ลิ้มรสชาติเต็มปากเต็มคำมากกว่าไวน์ขาว
 - ไวน์ขาว จะมีรสชาติซาบซ่า จะให้รสหวานนำ อมเปรี้ยว ฝาดน้อย สีใส ให้ความรู้สึกสดชื่น กลมกล่อม พร้อมรสชาติที่บางเบา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสดชื่น
 

ประโยชน์ของไวน์
หลายคนอาจสงสัยว่า ไวน์ จะมีประโยชน์ได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นั้นเพราะวัตถุดิบหลักของไวน์อย่าง องุ่น เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมากมาย ที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และลดภาวะเสี่ยงจากโรคร้ายได้อีกด้วย การดื่มไวน์จึงให้ประโยชน์ได้ ดังนี้
- ชะลอความแก่ (Anti Aging) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในไวน์แดง ช่วยป้องกันร่างกายจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ และจะชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของร่างกาย ไวน์แดง มีความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เรียกว่า โพลี มากกว่า เมื่อเทียบกับน้ำองุ่นธรรมดา ซึ่งจากงานวิจัยที่ค้นพบว่าการดื่มไวน์แดง ช่วยชะลอความแก่ หลังพบสารเมลาโทนินในผิวองุ่น ที่สามารถปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งควรจะเริ่มกินตั้งแต่อายุย่างเข้า 30 ปี นอกจากชะลอความแก่ ได้จริงแล้ว ยังช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ แต่ก็ควรที่จะดื่มในปริมาณที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
 - ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ในไวน์ ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ซึ่งสารนี้ทำหน้าที่เปลี่ยนระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะกันเป็นก้อน ลดปัญหาการอุดตันในเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจได้ 30-40 % ซึ่งจากตัวอย่างของชาวฝรั่งเศสที่ดื่มไวน์กันเป็นปกตินิสัย ทำให้ชาวฝรั่งเศส มีอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และโรคหัวใจล้มเหลวลดลงถึง 50%
 - ลดและป้องกันมะเร็ง สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้ในองุ่น ราสเบอร์รี่ ถั่วลิสง และพืชอื่น ๆ มีหลักฐานว่า สารนี้ลดอนุมูลอิสระ และลดอัตราการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง รวมทั้งลดการเจริญเติบโตของมะเร็ง ในถาดเพาะเชื้อได้ มากไปกว่านั้น ยังลดสารเอ็นเอฟ แคปปา บี (NF kappa B) ซึ่งเป็นโปรตีน ที่สร้างโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นอีกด้วย ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การดื่มไวน์สามารถต้านมะเร็งได้
 - ลดปริมาณคอเลสเตอรอล ไวน์แดง มีแทนนิน หรือความฝาด ซึ่งนอกจากจะป้องกันการเกิดโรคหัวใจแล้ว ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด หากมีคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดมาก ๆ อาจทำให้การไหลเวียนของเลือดเกิดความผิดปกติได้
 - ช่วยในการย่อย อาหารประเภททอด และอาหารแปรรูป จะมีสาร Malonaldehydes ซึ่งสารเหล่านี้ ส่งผลร้ายต่อระบบทางเดินอาหารแก่ร่างกาย การศึกษาวิจัยพบว่า การดื่มไวน์แดง พร้อมกับอาหารดังกล่าว ช่วยลบล้างสารเหล่านี้ได้ ถึงร้อยละ 60-70 เปอร์เซ็น ดังนั้น ความสามารถในการช่วยทำลายสารเหล่านี้ ก็เป็นประโยชน์ในการช่วยย่อยอาหารได้ด้วย
 - ช่วยในลด และคลายความเครียด ไวน์เป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จึงช่วยลดความเครียด และคลายกังวล ทำให้สามารถนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ และได้ยาวนานขึ้น
 - ป้องกันโรคความจำเสื่อม ในงานวิจัยพบว่า ไวน์แดง ช่วยลดความจำเสื่อมได้ โดยสารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ในไวน์แดง มีผลในการป้องกันการเสื่อมของสมอง โดยทีมวิจัยได้ศึกษา นักดื่มไวน์ 7,983 คน ซึ่งดื่มไวน์เป็นประจำ วันละ 1-3 แก้ว ระหว่างปี 1990-1999 พบว่าบุคคลดังกล่าว ไม่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสันแต่อย่างใด
 - สุขภาพเหงือก และฟัน ในไวน์มีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรียในช่องปาก และนอกจากนี้ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า สารโพลีฟีน เป็นสารธรรมชาติที่พบในเมล็ดองุ่น และไวน์แดง มีคุณสมบัติช่วยในการต้านการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของเหงือก หรือช่วยลดอาการเหงือกอักเสบได้
 - ช่วยป้องกันโรคหวัด ศูนย์โรคหวัดแห่งมหาวิทยาลัย คาร์ดีฟ เคยรายงานว่า คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ในไวน์แดง สามารถป้องกันหวัดได้ และยังมีผลการวิจัยของอาสาสมัคร 4,000 คน เป็นเวลา 1 ปีพบว่า ผู้ที่ดื่มไวน์แดง มากกว่าวันละ 2 แก้ว มีโอกาสเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มไวน์เลยถึงร้อยละ 44
 

เลือกไวน์แบบไหนดี สำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่ จะมีไวน์ 3 ชนิดที่เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นดื่มไวน์ ได้แก่
- Prosecco เป็นไวน์แบบ sparkling wine หรือไวน์ซ่าที่ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Glera โดยจะเป็นไวน์ขาวที่มีฟองฟู่ข้างใน มีรสชาติผลไม้ชัดเจน และมีความหวานเล็กน้อย พร้อมกับรสชาติที่สดชื่นขององุ่นเขียว ยิ่งไปกว่านั้น Prosecco ไม่มีแทนนินและมีความเป็นกรดต่ำ
 - Chardonnay เป็นชื่อองุ่นขาว โดยไวน์ที่ทำจากองุ่น Chardonnay จะมีรสแอปเปิ้ล และลูกแพร์ พร้อมกับกลิ่นเนย ขนมปังปิ้ง และต้นโอ๊ก มีรสฝาด ไม่มีรสชาติออกหวานเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังมีกลิ่นผลไม้ ไม่มีแทนนิน เพราะว่าเป็นไวน์ขาว
 - Pinot Noir เป็นไวน์แดง ที่ได้รับความนิยม มีรสชาติเบา มีแทนนินต่ำ พร้อมกับรสชาติของเบอร์รี่ และเชอร์รี่ จะมีรสชาติฝาดนำ รสชาติไม่หวานมากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบไวน์ขาว แต่อยากลองดื่มไวน์แดง
 
การจับแก้วที่ถูกต้อง
การจับแก้วไวน์ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการบ่งบอกว่าเราดื่มไวน์เป็นหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหารสากลอีกด้วย การจับแก้วไวน์ที่ถูกต้อง มีดังนี้
- จับบริเวณที่ก้านแก้ว โดยใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางบีบบริเวณที่ก้านแก้วไวน์ แล้วยกขึ้นมาดื่ม ส่วนนิ้วกลางควรพักอยู่บริเวณก้านที่อยู่เหนือฐาน นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ให้วางอยู่บนฐาน การยกขึ้นมาดื่ม ควรถืออย่างมั่นคง และมือต้องอยู่ห่างจากจานอาหาร
 - หยิบแก้วไวน์ที่บริเวณก้านแก้วด้วยนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ โดยใช้นิ้วชี้ล้อมรอบด้านหนึ่งของก้านแก้ว แล้วใช้นิ้วโป้งรองรับปลายอีกด้านหนึ่งของปลายก้าน รวมถึงนิ้วมือทั้งสาม ต้องขดตัวอยู่ในฝ่ามือแบบกำปั้นหลวม ๆ
 - ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้จับที่ก้านแก้ว ส่วนนิ้วกลาง ใช้รองบริเวณฐานแก้วด้านล่าง
 - ใช้นิ้วโป้งจับที่ฐานแก้ว ส่วนนิ้วที่เหลือ ให้ทำการโค้งงอเล็กน้อย เพื่อใช้รองบริเวณฐานด้านล่าง
 - ห้ามจับที่ตัวแก้วโดยตรงเป็นอันขาด เพราะอุณภูมิจากฝ่ามือ จะทำให้รสชาติของไวน์เสียได้
 

วิธีดื่มไวน์ที่ถูกต้องตามหลักสากล สำหรับมือใหม่
การชิมไวน์ หรือดื่มไวน์เป็นศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากการดื่มไวน์จะเป็นการวิเคราะห์สิ่งที่ซ่อนอยู่ในไวน์ชนิดนั้น เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในการดื่ม จนเกิดเป็นอาชีพ และทำให้มีนักชิมไวน์ระดับมืออาชีพมากมาย แต่ก่อนจะทำการชิมไวน์ควรเริ่มจากการเลือกแก้วไวน์ก่อน โดยแก้วไวน์ที่ถูกต้องตามหลัก ต้องเป็นแก้วใสขนาดใหญ่ ปราศจากลวดลายใด ๆ มีก้านยาว เพื่อให้ได้รับรสและกลิ่นของไวน์อย่างเต็มที่
ส่วนวิธีการดื่มที่ถูกต้องตามหลักสากลนั้น จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. ดูก่อน
ก่อนดื่มไวน์ ให้รินไวน์ลงในแก้วประมาณ 1/3 ของแก้ว จากนั้นให้ยกแก้วขึ้นเพื่อส่องดูกับแสง ซึ่งต้องเป็นแสงสว่างแบบแสงจากดวงอาทิตย์ถึงจะถูกต้อง การดูไวน์ก็คือ ดูความลึกของสีปกติ รวมทั้งความเข้มของสีไวน์ เช่น ไวน์แดง สีจะมีสีแดง สีโกเมน สีม่วง หรือสีอิฐ จากนั้นให้แกว่งแก้ว 2 – 3 รอบ เพื่อดูความเข้มข้น โดยมีหลักในการดูว่าน้ำไวน์ ไหลลงก้นแก้วเร็วหรือไม่ ถ้าเป็นไวน์ชั้นสูง น้ำจะไหลลงช้ามาก หมายความว่าไวน์นั้นมีรสสัมผัส หรือเรียกว่า Body เยอะ แต่ถ้าไหลเร็ว แปลว่าไวน์มีปริมาณของน้ำเยอะมาก

2. ดมและอม
กลิ่นของไวน์สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของผลไม้หลายชนิด กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่น Acid หรือกลิ่นโอ๊ก เป็นต้น โดยให้แกว่งแก้วเบา ๆ 3 – 4 ครั้ง เพื่อให้กลิ่นไวน์ฟุ้งกระจาย ได้สัมผัสกับอากาศ ส่งกลิ่นอบอวลอยู่ในแก้ว แล้วนำจมูกยื่นลงไปในแก้วพอสมควร ถ้าเป็นนักดื่มไวน์มืออาชีพจะสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอันแท้จริงของไวน์ได้ ด้วยการอมไวน์ไว้ในปากแล้วแหงนหน้าสูดหายใจเข้าไปเบา ๆ กลิ่นของไวน์ก็จะเข้าสู่ลำคอ ด้วยวิธีดมแบบนี้จะทำให้ได้กลิ่นไวน์ดีกว่าการดมด้วยจมูก แต่สำหรับนักชิมมือใหม่ถ้าจะใช้วิธีนี้ ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะอาจสำลักไวน์ที่อยู่ในปากในขณะสูดกลิ่นได้

3. ลิ้มรส
การลิ้มรสไวน์อย่างมืออาชีพ ไม่ใช่แค่การกรอกเข้าปากอย่างช้า ๆ แล้วกลืนลงคอไป แต่ต้องค่อย ๆ กลั้วในปากและลำคอให้ทั่ว เพื่อให้ประสาทของลิ้น ได้รับรู้รสชาติ เปรี้ยว หวาน และฝาด ให้ครบ จากนั้นก็ให้เคี้ยวน้ำเหมือนกับเคี้ยวข้าว 2 – 3 ครั้ง ตามด้วยสูดลมเข้าปากเพื่อให้กลิ่นแอลกอฮอล์ถูกส่งเข้าไปในโพรงจมูก แต่อย่าเพิ่งกลืนในครั้งแรก ให้บ้วนทิ้งก่อน โดยนักชิมไวน์มืออาชีพจะมีถังถ่มน้ำลายเป็นของตัวเอง และได้รับการยกเว้นไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท จากนั้นค่อยจิบไวน์อีกครั้ง ลิ้มรสอีกรอบ ซึ่งคราวนี้สามารถกลืนลงคอได้ จะทำให้รับรู้รสชาติ และรสสัมผัสของไวน์ได้อย่างครบถ้วน

การเก็บไวน์ที่ถูกต้อง
การเก็บไวน์ที่ถูกต้องนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 3 เรื่อง ดังนี้
- อุณหภูมิ ในการเก็บรักษาไวน์อุณหภูมิทั่วไปที่เหมาะสมในการเก็บรักษาไวน์จะอยู่ที่ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมจะทำให้ไวน์แสดงรสชาติเฉพาะตัวของมันออกมาได้ดี ซึ่งแต่ละประเภทของไวน์ มีอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไป เช่น ไวน์แดง อุณหภูมิจะอยู่ที่ 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนไวน์ขาว จะอยู่ที่ประมาณ 7-10 องศาเซลเซียส นอกจากนั้น การเก็บรักษาไวน์ในตู้แช่ไวน์โดยเฉพาะก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้ไวน์ได้รับอุณหภูมิที่เหมาะสม ได้ความเย็นที่สม่ำเสมอ และไม่ควรแช่ไวน์ในตู้เย็นธรรมดาทั่ว ๆ ไป
 - แสงแดด เพราะตัวแสง UV จะไปเร่งกระบวนการบ่มของไวน์ให้เร็วขึ้น ทำให้รสชาติไวน์อาจจะเปลี่ยนไป ดังนั้น ห้องสำหรับเก็บไวน์ จึงไม่ควรมีแสงสว่างมากเกินไป
 - ความชื้น เป็นสิ่งที่ต้องระวังให้มาก เพราะหากความชื้นน้อยกว่า 50% จะทำให้จุกคอร์กที่ปิดไวน์แห้ง และแตกได้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้อากาศเข้าไปในไวน์ได้นั่นเอง
 - การสั่นสะเทือน มีผลต่อไวน์ เพราะจะทำให้ไวน์มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ก็จะไปทำปฏิกิริยากับไวน์ ทำให้ไวน์สูญเสียรสชาติได้ ทำให้ไม่มีกลิ่นหอม หรืออาจจะทำให้ไวน์เสียเร็วยิ่งขึ้นด้วย
 
สรุป การดื่มไวน์ที่ถูกต้อง สำหรับมือใหม่
วิธีการดื่มไวน์ที่ถูกต้องตามหลักสากลนั้น ที่จะมีการดู การดม และการลิ้มรส สำหรับมือใหม่ ยังอาจจะต้องค่อย ๆ ฝึกกันไปเพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติ และรสสัมผัสของไวน์แต่ละประเภทได้ครบถ้วน เหมือนนักชิมไวน์มืออาชีพ เพราะการดื่มไวน์ก็เหมือนงานศิลปะชั้นสูงอย่างนึง ที่ต้องอาศัยประสาทสัมผัส และอารมณ์ความรู้สึกในการเสพเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีสเน่ห์และน่าหลงไหลไม่พอ ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ควรดื่มแต่พอดี ไม่มากเกินไป เพราะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มมากก็อาจมีผลกระทบต่อร่างกายได้
เอกสารอ้างอิง
Adrianysus. (2020, September 30). Learn to drink wine for beginners. Adrianysus. https://adrianysus.com/en/learn-to-drink-wine-for-beginners/
Sonoma Wine Garden. (2023, March 27). How to drink wine properly: A guide for beginners. Sonoma wine garden. https://sonomawinegarden.com/how-to-drink-wine/