10 วิธีแก้ส้นเท้าแตกเร่งด่วน แบบธรรมชาติ ให้ส้นเท้าเรียบเนียนเหมือนเท้าเด็ก

ส้นเท้าแตก ทำยังไงถึงจะหาย? วันนี้เราจะมาบอกวิธีแก้ส้นเท้าแตกด้วยวิธีธรรมชาติ ว่ามีอะไรบ้างที่ช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเท้าเด็กได้ เพราะส้นเท้าที่แตกไม่ใช่เพียงแค่ทำให้สภาพเท้าย่ำแย่เท่านั้น แต่อาจนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ ทำให้หลายคนจึงพยายามค้นหาวิธีแก้ส้นเท้าแตกอย่างไรให้ได้ผล รักษาด้วยอะไรได้บ้าง ตามมาดูกันแบบด่วน ๆ เลยค่ะ

ส้นเท้าแตก คืออะไร

ส้นเท้าแตก คืออะไร?

เป็นภาวะที่เกิดรอยแยกหรือรอยแตกในผิวหนังกำพร้าบริเวณส้นเท้า เกิดจากภาวะผิวขาดน้ำและอาจเกิดร่วมกับภาวะเคราตินมากเกินไป ในช่วงแรกรอยแตกของผิวหนังเหล่านี้จะเกิดเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้ บริเวณเท้าซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับความกดดันและการเสียดสีจากการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลทำให้รอยแตกลึกขึ้นจนถึงชั้นผิวหนังแท้ เริ่มมีเลือดออก และเกิดความเจ็บปวดตามน้ำหนักตัวและกิจกรรมที่ทำ

รอยแตกเหล่านี้ถือเป็นแผลที่ผิวหนังซึ่งควรได้รับการดูแล ถึงแม้ในกรณีส่วนใหญ่รอยแห้งแตกเหล่านี้เพียงแค่ก่อความรำคาญและทำให้ไม่สวยงาม อย่างไรก็ตามหากปล่อยทิ้งไว้จนรอยแตกขยายไปถึงชั้นผิวหนังแท้ การยืน เดิน หรือแม้แต่นอนอยู่บนเตียงอาจทำให้เกิดการเจ็บปวดได้ รอยแตกดังกล่าวทำให้ผิวหนังหนาตัวขึ้น เกิดเป็นแผลพุพอง และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ตามมา

ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร?

ส้นเท้าแตก มีสาเหตุปัจจัยที่เกิดทั้งภายใน และภายนอก โดยจะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

  1. ปัจจัยภายใน ได้แก่ เกิดจากกรรมพันธุ์ ที่สามารถส่งผ่านมาทางสายเลือดได้ค่ะ หรือเกิดจากการเจ็บป่วยบางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบเรื้อรัง รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น
  2. ปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมเสี่ยง
  • การดื่มน้ำ ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันเป็นปัจจัยให้ส้นเท้าแตกได้
  • การอาบน้ำ การอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลานาน รวมทั้งการใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ทำให้ผิวแห้งจัดก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ส้นเท้าแตก
  • อยู่ในบริเวณที่มีอากาศเย็นเป็นประจำ โดยไม่ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • เกี่ยวกับการเดินและใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมผิวบริเวณเท้า เช่น ชอบเดินเท้าเปล่าโดยไม่ใส่รองเท้า การสวมรองเท้าไม่พอดีกับขนาดเท้า การสวมรองเท้าแบบเปิดผิวเท้า หรือพื้นรองเท้าแข็งเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน
  • ไม่ทาครีมบำรุงหรือละเลยการบำรุงผิวบริเวณส้นเท้า  ส้นเท้าที่ถูกเสียดสีอยู่ตลอดเวลาจากการสวมใส่รองเท้าย่อมทำให้ผิวบริเวณส้นเท้าแตกและด้านได้ง่ายเนื่องจากสูญเสียความชุ่มชื้น การไม่ใช้ครีมหรือบาล์มบำรุงส้นเท้าอาจส่งผลให้ปัญหาส้นเท้าแตกเพิ่มระดับความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
  • เกิดจากการแพ้สารบางชนิด เช่น สารเคมี ปูนซีเมนต์
วิธีแก้ส้นเท้าแตก

10 วิธีแก้ส้นเท้าแตกเร่งด่วน แบบธรรมชาติ

การแก้ส้นเท้าแตกจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เมื่อได้อ่านบทความนี้ที่จะมาบอกถึง 10 วิธีแก้ส้นเท้าแตกแบบเร่งด่วน ด้วยธรรมชาติ ถ้าอยากมีส้นเท้าที่เรียบเนียนเหมือนเด็กแล้วจะรออะไร ก็ตามมาดูกันเลยสิคะ

1.ทาปิโตรเลียม เจลลี่ (วาสลีน) เป็นประจำ

เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายและรวดเร็วแต่จะต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหมั่นทาทุกวันตรงบริเวณที่มีรอยแตก จะทำให้ส้นเท้าค่อย ๆ เนียนนุ่มขึ้น

2. แช่เท้าในน้ำอุ่น

เพียงแช่เท้าในน้ำอุ่น ประมาณ 15 นาที แล้วเริ่มขัดส้นเท้าแตกด้วยที่ขัดเท้า และใช้มือถูเบา ๆ เพื่อให้หนังกำพร้าบริเวณนั้นหลุดออก จากนั้นเช็ดด้วยผ้าสะอาดให้แห้ง แล้วทามอยเจอไรเซอร์หรือวาสลีนทับให้ผิวชุ่มชื้น แค่นี้ก็ทำให้รอยแตกลดลง และค่อยส้นเท้าก็จะเรียบเนียนขึ้นแล้วค่ะ

3. แช่เท้าในน้ำสบู่แล้วทาด้วยวาสลีนผสมน้ำมะนาว

ผสมน้ำฟองสบู่แล้วแช่เท้าประมาณ 10-15 นาที จากนั้นเช็ดเท้าให้แห้ง นำวาสลีนมาผสมกับน้ำมะนาว ทาที่ส้นเท้า ทิ้งไว้อีกครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้สามารถคืนความชุ่มชื้นและช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้ค่ะ

4. ถูด้วยเปลือกกล้วย

เพียงแค่นำเปลือกกล้วยด้านในมาถูกบริเวณส้นเท้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทำเป็นประจำก็จะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้กลับมาเนียนนุ่มได้ ถ้าทำต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนก็จะเห็นผลที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

5. ขัดด้วยมะนาว+น้ำมันมะกอก+เกลือ

สูตรนี้เป็นสูตรสครับเท้า สำหรับทำความสะอาด “ส้นเท้าแตก” และช่วยให้ส้นเท้ากลับมาเนียนนุ่ม เตรียมส่วนผสม คือ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน พักไว้ ทำความสะอาดเท้าให้เรียบร้อย นำส่วนผสมที่ทำไว้มาขัดเบา ๆ และนวดบริเวณส้นเท้า ทำสลับไปมาบนส้นเท้าแตกทั้งสองข้างประมาณ 15 นาที แล้วใช้ผ้าเช็ดออกให้สะอาด ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

6. นวดด้วยน้ำมันมะกอก น้ำมันงา

สูตรถัดมาเป็นการนวดน้ำมันลงบนส้นเท้าแตก เพื่อช่วยสมานผิวรอยแตกให้หาย และทำให้ส้นเท้าเนียนนุ่มมากขึ้น วิธีทำคือให้เตรียมน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงา ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พักไว้ จากนั้นก็แช่เท้าด้วยน้ำอุ่น 15 นาที จากนั้นใช้ผ้าซับน้ำให้ออกพอหมาด ๆ แล้วเอาน้ำมันมานวดบริเวณส้นเท้าแตกจนน้ำมันซึมสู่ผิวหนัง โดยไม่ต้องล้างออก ทำแบบนี้สัปดาห์ละประมาณ 2-3 ครั้ง ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 

7. ใช้น้ำผึ้ง

ในน้ำผึ้งนั้นมีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ ประกอบกับสารแอนตี้แบคทีเรีย ทำให้มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาผิวที่แห้ง แตกได้ วิธีคือการเทน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าทิ้งไว้อย่างน้อย 20 นาทีก่อนนอนทุกคืนจะทำให้ส้นเท้านุ่มขึ้น ไม่ก่อให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกอีกต่อไป

8. ใช้น้ำมันมะพร้าว

จะมีวิตามินอีเข้มข้น มีสรรพคุณช่วยสมานผิวแตกให้เรียบเนียนขึ้น เพียงแช่เท้าในน้ำอุ่น ใช้ที่ขัดเท้านวดด้วยน้ำมันมะพร้าว จากนั้นทำการใส่ถุงเท้าเข้านอน ก็จะทำให้เท้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น

9. สคลับด้วยมะขามเปียก+ขมิ้นชัน+มะกรูด+แอลกอฮอล์

สูตรสครับส้นเท้านี้เป็นสูตรสมุนไพร วิธีคือเตรียม มะขามเปียก, ขมิ้นชัน, มะกรูด และแอลกอฮอล์ล้างแผล ในสัดส่วน 1 : 1 ทุกส่วนผสมให้เท่ากัน แล้วนำส่วนผสมทุกอย่างมาใส่ถ้วยเล็ก คนให้เข้ากัน พักไว้ ก่อนจะใช้สครับส้นเท้าก็ต้องล้างเท้าให้สะอาด แช่เท้าในน้ำอุ่น 15 นาที จากนั้นจึงค่อยนำสมุนไพรที่เราผสมไว้มาขัดสครับผิวตรงส้นเท้าแตก ขัดวนไปข้างละ 2-3 นาที แล้วล้างออก สูตรนี้ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

10. ใส่รองเท้าปิดส้น และใส่ถุงนอนเวลานอน

ในระหว่างการรักษาส้นเท้าแตก เราต้องนวดทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอยู่เสมอ รวมถึงการสวมใส่รองเท้าปิดส้นจนกว่าส้นเท้าแตกจะหาย ถ้าอยู่ในบ้านก็ให้สวมใส่รองเท้าสำหรับเดินในบ้าน และเวลานอนก็ให้ใส่ถุงเท้าเพื่อคงความชุ่มชื้น หากทำเป็นประจำจะช่วยทำให้ส้นเท้าหายจากอาการแตกได้เร็วขึ้น และยังช่วยทำให้ผิวเท้าของเราเนียนนุ่มมากขึ้นอีกด้วย  

วิธีแก้ส้นเท้าแตกเร่งด่วน

ส้นเท้าแตก บ่งบอกว่าเป็นโรคอะไร?

วิธีสาเหตุของส้นเท้าแตกเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งในคนผิวแห้งผิวหนังบริเวณฝ่าเท้าจะหนา และสูญเสียน้ำจากผิวมากกว่าปกติ ผิวหนังจึงไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นได้ ทำให้ผิวหนังมีความแห้ง ถ้าผิวหนังแห้งมากผิวจะแตกเป็นร่องลึกหนา ซึ่งรอยแตก ร่องลึกหนาจะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค ทำให้มองดูไม่สวยงามและอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างอื่นได้อีกด้วย ซึ่งการเกิดส้นเท้าแตก บ่งบอกว่าเป็นโรคต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • โรคภูมิแพ้
  • ผื่นแพ้
  • ภาวะโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไป
  • เพราะน้ำหนักตัวจะเพิ่มแรงกดบริเวณฝ่าเท้า

หากมีผิวแห้งอาจไม่สามารถรองรับต่อแรงกดเหล่านั้นได้ ทำให้เกิดรอยแตกที่ส้นเท้า และยังอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน อาจมีอาการส้นเท้าแตก

เนื่องจากเส้นประสาทบริเวณเท้าถูกทำลายจากปริมาณน้ำตาลในเลือดที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้มีผิวแห้งแตกได้ง่าย จึงควรเฝ้าระวังป้องกันการเกิดโรคและการเจ็บป่วยที่เท้า และโรคหลอดเลือดส่วนปลาย นอกจากนี้ยังมีโรคอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแห้งแตกของส้นเท้าได้ นั่นคือ ผู้มีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคหนังแข็ง เป็นต้น 

การดูแลส้นเท้าให้กลับมาเนียนนุ่มเหมือนเท้าเด็ก

นอกจากจะดูแลเท้าด้วย 10 วิธีแก้ส้นเท้าแตกที่ได้บอกไปข้างต้นแล้ว การดูแลส้นเท้าให้กลับมาเนียนนุ่มเหมือนเท้าเด็กก็ต้องอาศัยการหมั่นดูแล เอาใจใส่ทาครีม ยา และผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เพราะสำหรับส้นเท้าแตก ควรใช้ครีมหรือยาที่ผลิตมาเพื่อใช้รักษาอาการผิวแตกลักษณะนี้โดยเฉพาะ ทาไปบนบริเวณที่เป็นรอยแตก การดูแลส้นเท้าแตกให้หลับมาเนียนนุ่มเหมือนเท้าเด็ก มีดังนี้

  • ทาครีมที่มีส่วนผสมของ ไดเมทิโคน (Dimethicone) จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและเพิ่มความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำให้แก่ผิว ลดการเกิดหนังที่หนาและด้านจากภาวะผิวแห้งที่จะทำให้เกิดผิวส้นเท้าแตกตามมา และครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น หรือครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน สามารถใช้ทาได้วันละหลาย ๆ ครั้ง ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อทาหลังอาบน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และป้องกันผิวแห้งแตก
  • หมั่นขัดส้นเท้าตอนอาบน้ำ หากเราอาบน้ำนาน ๆ ตัวของเราจะเปื่อยลง รอยแตกบริเวณส้นเท้าจะค่อย ๆ อ่อนลง เราจึงใช้โอกาสนี้นำที่ขัดส้นเท้ามาขัดตรงรอยแตก ก็จะหลุดลอกออกไปง่ายยิ่งขึ้น ทำทุกวันเวลาที่อาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จทาโลชั่นเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว ก็จะทำให้เท้ากลับมาเนียนนุ่มเหมือนเท้าเด็กได้แล้วค่ะ
  • การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อยจะทำให้มีน้ำในร่างกายน้อย จึงเกิดอาการปากแห้ง คอแห้ง กระทบต่อระบบภายในต่าง ๆ และยังส่งผลต่อสภาพผิวที่แห้งแตกบริเวณส้นเท้าด้วย จึงควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณที่ส้นเท้าแตก ให้ผิวฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ เนียนนุ่มเหมือนเด็กได้อีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาส้นเท้าแตก

Q : ส้นเท้าแตก อันตรายไหม?

A : อาการส้นเท้าแตก เป็นปัญหาที่ไม่ควรละเลย การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยขจัดความเจ็บปวดได้ แต่ถ้าหากมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าแตกเป็นอย่างมาก หรือมีหนองและอาการไม่บรรเทาแม้พยายามรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ด้วยตนเองแล้ว ควรไปพบแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางที่รักษาเท้า เพื่อตรวจหาการติดเชื้อและรีบรักษาได้อย่างทันท่วงที เพราะแพทย์จะทำการรักษาตามวิธีที่เหมาะสมกับแผลและรอยแตกนั้นได้ตรงจุดกว่าเราหาวิธีรักษาด้วยตัวเอง

Q : ส้นเท้าแตกขาดวิตามินอะไร?

A : ขาดวิตามินอี, วิตามินบี 3 และวิตามินซี

การแก้ส้นเท้าแตก

สรุป การแก้ส้นเท้าแตกให้เท้ากลับมาเนียนนุ่มเหมือนเด็ก

ส้นเท้าแตกหรือจะสู้วิธีแก้ที่เราได้แชร์ไปให้ทุกคนได้รับรู้ และได้นำไปทำตามกัน เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นผลควรทำอย่างสม่ำเสมอ และไม่ลืมที่จะหมั่นทาครีมบำรุงผิวที่เท้า และส้นเท้า เพื่อป้องกันผิวแห้ง ที่เป็นสาเหตุสำคัญของส้นเท้าแตกนั่นเอง ดังนั้น นอกจากจะทำตามวิธีแก้ทั้ง 10 วิธีแล้ว การดูแลผิวเท้าไม่ให้แห้งก็จะช่วยส่งเสริมลดปัญหาส้นเท้าแตกไปได้ด้วยเช่นกันค่ะ

เอกสารอ้างอิง

WebMD Editorial Contributors. (2023, February 14). What to Know About Cracked Heels. WebMD. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/what-to-know-cracked-heels

Godio M. (2023, March 30). How to heal dry, cracked heels, according to dermatologists. NBCselect. https://www.nbcnews.com/select/shopping/how-care-dry-cracked-heels-according-dermatologists-ncna1080001

McDermott A. (2019, March 8). How to Fix Cracked Heels at Home. Healthline. https://www.healthline.com/health/cracked-heel-heal#remedies