รอยตีนกา (wrinkle) เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น ผิวก็จะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ยิ่งเวลายิ้มเยอะ ๆ หัวเราะ หรือการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ จะเกิดเป็นรอยพับ รอยขีด ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ เกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้ง่าย สำหรับใครที่อยากมีใบหน้าอ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอย และรอยตีนกา
บทความนี้มีวิธีลดรอยตีนกา แบบธรรมชาติ มานำเสนอ พร้อมวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยตีนกา เพื่อดูแลตัวเองในการชะลอการเกิดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาในอนาคต แต่ก่อนจะไปรู้วิธีลดรอยตีนกา เรามารู้เรื่องราวของรอยตีนกาก่อนว่าคืออะไร มี่กี่ประเภท สาเหตุเกิดจากอะไร กันดีกว่าค่ะ

ตีนกาคืออะไร?
ตีนกา หรือ ริ้วรอยหางตาคือ ริ้วรอยที่มีลักษณะเป็นเส้นขีดเล็ก ๆ อยู่บริเวณหางตา เป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย ทำให้ผิวหน้าดูแก่ก่อนวัย มักจะพบมากบริเวณผิวหนังที่ถูกแสงแดดมาก เช่น ใบหน้า ลำคอ หลังมือ แขน ซึ่งเวลายิ้ม หรือหัวเราะ ก็จะเห็นรอยตีนกาชัดขึ้นได้
รอยตีนกามีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
รอยตีนกาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. รอยตีนกาชนิดตื้น จะเริ่มมีจากผิวบริเวณที่ถูกแสงแดดมาก ๆ จะเป็นผิวบนชั้นหนังกำพร้าที่บางกว่าจุดอื่น ๆ
2. รอยตีนกาชนิดลึก เกิดจากความหย่อนคล้อยของโครงสร้างผิวในชั้นใต้ผิวหนังแท้ และจากรอยตีนกาตื้น ๆ หากไม่แก้ไขหรือหาวิธีดูแล ริ้วรอยก็จะลึกขึ้นเรื่อย ๆ

รอยตีนกาเกิดจากสาเหตุอะไร?
รอยตีนกาที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นมักเกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในการยกกระชับใต้ชั้นผิวได้น้อยลง ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย ขาดความชุ่มชื้น จนนำไปสู่ริ้วรอยในที่สุด
- การแสดงอารมณ์ การหัวเราะ การยิ้ม การขมวดคิ้ว หรือการหรี่ตาจนตาหยี ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหางตาเกิดการหดตัวกลายเป็นริ้วรอย ถ้าหากปล่อยไว้นาน ไม่ดูแล ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์นี้ก็จะเปลี่ยนเป็นริ้วรอยถาวรได้
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายทำงานได้ไม่ดี จึงส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ผิวหน้าไม่ได้เต็มที่ ทำให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยบนผิวหน้าได้เร็วขึ้น
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ทำให้กระตุ้นให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
- การออกแดด ในแสงแดดจะมีรังสี UVB ที่ทำให้ผิวไหม้ แห้งกร้าน และรังสี UVA ที่ทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ เกิดรอยย่นและริ้วรอยขึ้น
- ปัจจัยทางอ้อมอื่น ๆ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การล้างหน้าไม่ถูกวิธี หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอาง หากละเลย ไม่ดูแลผิวหน้า ก็จะทำให้เกิดรอยตีนกาได้ง่ายขึ้น
รอยตีนกามีตำแหน่งไหนบ้าง
ถ้าพูดถึง รอยตีนกา คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามันคือ ริ้วรอยบริเวณหางตาที่มีลักษณะเป็นขีด ๆ คล้ายรอยเท้าของนก แต่นอกจากนี้รอยตีนกายังสามารถพบได้ในบริเวณอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย ได้แก่
- ริ้วรอยหางตา หรือรอบดวงตา
- รอยย่นที่บริเวณหน้าผาก
- รอยย่นระหว่างคิ้ว หรือตีนกาบริเวณหัวคิ้ว
- ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ร่องมุมปาก
- รอยย่นที่สันจมูก

14 วิธีลดรอยตีนกา แบบธรรมชาติ เห็นผลจริง ชะลอความแก่ ให้ใบหน้าอ่อนเยาว์
วิธีลดรอยตีนกา แบบธรรมชาติ ที่เราจะมาแชร์ต่อไปนี้ เป็นวิธีที่เชื่อได้ว่าสาว ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ที่บ้าน และถ้าทำตามที่แนะนำเชื่อได้ว่าริ้วรอยรอบดวงตา หรือรอยตีนกาจางลง แบบเห็นผลได้จริงอย่างแน่นอน ใบหน้าก็จะกลับมาดูอ่อนเยาว์ ชะลอความแก่ได้ด้วยวิถีธรรมชาตินั่นเองค่ะ ว่าแต่จะมีวิธีอะไรบ้าง ก็ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
1. น้ำมันละหุ่งและน้ำมันงา
ใช้น้ำมันจากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูสดใสเต่งตึง และช่วยลดริ้วรอยตีนกาได้ วิธีทำคือ ใช้น้ำมันละหุ่งและน้ำมันงาอย่างละ 1 ช้อนชา นำมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าก่อนเข้านอน ควรทำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เป็นประจำ

2. อะโวคาโดและอัลมอนด์
ทั้งอะโวคาโด และอัลมอนด์จะอุดมไปด้วยน้ำมันที่สามารถช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ เมื่อผิวชุ่มชื้น ริ้วรอยก็จะจางลงได้ วิธีทำคือ ใช้อัลมอนด์ป่น 3 ช้อนชา นำมาผสมกับเนื้ออะโวคาโดสุกครึ่งผล ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีปัญหาริ้วรอยหรือรอยตีนกาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

3. มันฝรั่ง
มันฝรั่งจะช่วยลดอาการบวมรอบดวงตา ทำให้ผิวกระชับขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยดูจางลงได้ วิธีทำคือ นำมันฝรั่ง ¼ ลูก นำมาผ่าครึ่งเป็น 2 ชิ้น จากนั้นล้างบริเวณเปลือกตาด้วยน้ำสะอาดให้เปียก แล้วใช้มันฝรั่งประคบที่เปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด แนะนำควรทำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
4. ผลไม้ตระกูลซิตรัส
เป็นกลุ่มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว จะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ วิธีทำคือ นำน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำส้ม 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาชโลมทิ้งไว้รอบดวงตาประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว แล้วจึงล้างออก ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำให้ริ้วรอยที่เป็นอยู่ดูจางลงได้

5. ใบบัวบก
ใบบัวบกเป็นสมุนไพรลดรอยตีนกา มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน วิธีทำคือ นำใบบัวบกสด ๆ มาคั้นหรือปั่นกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกที่ได้ นำมาทาใต้ตาหรือทารอบบริเวณตีนกาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ควรทำทุกวันก่อนนอน
6. แตงกวา
แตงกวามีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวรอบดวงตามีความชุ่มชื้นขึ้น และทำให้ริ้วรอยรอบดวงตาดูจางลงได้ วิธีทำคือ ใช้แตงกวาลูกขนาดใหญ่หน่อย นำมาหั่นเป็นแว่นบาง ๆ 2 แว่น แล้วนำมาปิดทับลงบนเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยนำแตงกวาออก จากนั้นก็ล้างหน้าให้สะอาด โดยให้ทำอย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้ง

7. ไข่ขาว
ไข่ขาวจะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตาของคุณกระชับขึ้นแบบสุด ๆ เลยค่ะ วิธีทำคือ ใช้ไข่ขาว 1 ฟอง นำมาตีให้ฟู แล้วจุ่มสำลีลงไป หรือจะใช้นิ้วจุ่มไข่ขาวแล้วนำมาทารอบบริเวณดวงตาให้ทั่ว รวมไปถึงบริเวณโหนกแก้มใต้ตาด้วย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นชโลมหน้าด้วยน้ำสะอาด แล้วใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดออกให้เกลี้ยงเกลา

8. แครอท
แครอท มีวิตามิน และเกลือแร่สูง อีกทั้งยังมีสารเบต้าแคโรทีน สารเพกติน กรดอะมิโนที่มีสรรพคุณช่วยให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง ชุ่มชื้น รวมถึงเหล็ก แมงกานีส ทองแดงที่จำเป็นต่อการสร้างอีลาสติน และคอลลาเจน จึงช่วยให้ริ้วรอยจางลง ผิวหน้าเต่งตึงดูสดใสอ่อนกว่าวัย วิธีทำคือ นำแครอทมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปปั่นผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อยพอให้เหนียวเป็นเนื้อครีมสำหรับพอกหน้าได้ จากนั้นนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
9. ใบตำลึง
ใบตำลึงมีวิตามินเอสูง จะช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยตีนกา ทำให้ใบหน้าเต่งตึง แถมยังช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้าได้อีกด้วย วิธีทำคือ นำยอด และใบอ่อนของตำลึงมาพอประมาณ นำมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ พอให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันจนละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นประจำ

10. ถุงชาที่ชงแล้ว
ถุงชาจะช่วยบำรุงผิวรอบดวงตา ช่วยบำรุงฟื้นฟูผิวรอบดวงตา ลดเลือนริ้วรอย ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถขจัดสารพิษที่ตกค้างที่จะเข้าไปทำลายผิวบริเวณรอบดวงตาได้อีกด้วย วิธีทำคือ หลังจากที่ชงชาเสร็จแล้ว ให้นำถุงชาที่ยังอุ่นอยู่มาวางไว้บนดวงตา โดยเน้นส่วนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที สามารถทำต่อเนื่องได้ทุกวัน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถบอกลาริ้วรอยรอบดวงตาได้แล้ว
11. ว่านนางคำ
ว่านนางคำเป็นสมุนไพรที่สามารถช่วยลบรอยตีนกาได้อย่างดีเยี่ยม วิธีทำคือ นำว่านนางคำมาปั่นให้ละเอียดผสมน้ำผึ้งแท้ ซึ่งสามารถเพิ่ม หรือลดส่วนผสมเท่าไหร่ก็ได้ตามความเหมาะสม หรือใส่น้ำมะขามเปียกเล็กน้อยเข้าไปด้วยก็จะได้ประสิทธิภาพมากขึ้น จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

12. มะเขือเทศ
มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินซีและไลโคปีน ซึ่งเป็นอาหารผิวชั้นเยี่ยม ช่วยให้ริ้วรอยดูจางลงได้ดี วิธีทำคือ หั่นมะเขือเทศเป็นแว่น ๆ แล้วนำไปแช่เย็น จากนั้นนำมาวางแปะบนเปลือกตานานประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สามารถทำเป็นประจำได้ทุกวัน
13. มะขามเปียก
มะขามเปียกจะช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ดี แถวยังทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ผิวหน้านิ่ม ซึ่งสูตรนี้เหมาะกับคนผิวมัน แต่คนผิวแห้งก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ แต่อาจจะต้องลดปริมาณของมะขามเปียกลง เพิ่มนมสดกับน้ำผึ้งให้มากขึ้นค่ะ วิธีทำคือ นำมะขามเปียก 1 กำมือ, นมสดรสจืด 3 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมะขามเปียกแกะเม็ดออก ล้างด้วยน้ำสะอาด ผสมกับนมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันและกรองด้วยผ้าขาว แล้วค่อยเติมน้ำผึ้ง คนให้เข้ากันจนได้เป็นเนื้อครีม เสร็จแล้วนำไปใส่ภาชนะปิดฝาแล้วแช่ตู้เย็น จากนั้นเตรียมตัวด้วยการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด นำครีมมะขามเปียกที่ทำเมื่อสักครู่มาพอกทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทาเป็นประจำทุกวันก่อนนอน

14. อะโวคาโดและโยเกิร์ต
อะโวคาโดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ส่วนโยเกิร์ตมีกรดเล็กน้อย ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส วิธีทำคือ นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติและอะโวคาโดมาปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นนำมาพอกบริเวณรอยตีนกา แต่ว่าผิวหนังรอบดวงตาค่อนข้างบอบบางจึงไม่ควรพอกทิ้งไว้นาน ควรพอกทิ้งไว้เพียง 5-10 นาทีก็พอแล้วค่ะ แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็จะช่วยให้รอยตีนกาจางลงได้ค่ะ
การป้องกันไม่ให้เกิดรอยตีนกา
การดูแลเอาใจใส่สภาพผิวรอบดวงตา เป็นวิธีการป้องกันและชะลอการเสื่อมของสภาพผิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดตีนกาได้ดีที่สุด นอกจากนั้นการเลี่ยงต่อปัจจัยเสี่ยงที่เร่งทำให้เกิดรอยตีนกา ก็จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดรอยพับที่จะทำให้เกิดร่องลึกต่าง ๆ รอบดวงตาได้ ดังนี้
- หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพราะน้ำจะช่วยเพิ่มความอิ่มเอิบให้แก่ผิวหนังชั้นนอก และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ เพราะถ้าผิวแห้งกร้าน อาจจะทำให้เห็นรอยเหี่ยวย่นและรอยตีนกาได้ชัดมากขึ้น
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการบำรุงผิวจากภายนอกสู่ภายใน โดยควรรับประทานอาหารประเภทผักผลไม้หลากสี ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กล้วย มะเขือเทศ ส้ม ฯลฯ รวมถึงผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ผักตำลึง ผักบุ้ง ผักโขม แครอท เป็นต้น พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันในปริมาณสูง เพื่อช่วยยืดอายุของเซลล์ผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ริ้วรอยก็จะไม่ปรากฎ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งตามมา
- รักษาสมดุลในการขับถ่าย การขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน เป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย เพราะถ้าหากมีของเสียสะสมอยู่ในร่างกายมากจนเกินไป ก็จะส่งผลต่อสภาพผิวให้แย่ลงไปด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรทานอาหารที่เต็มไปด้วยกากใยและไฟเบอร์สูง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับถ่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงรังสียูวี ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย ต่อให้ทาครีมกันแดดแล้วก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสรังสียูวี ไม่ว่าจะเป็น UVA หรือ UVB ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวเกิดริ้วรอยที่บริเวณต่าง ๆ แนะนำให้พยายามทาครีมกันแดดทุกวันในปริมาณที่ถูกต้อง พร้อมสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวมิดชิดอีกด้วย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาที่นอนหลับ ผิวจะได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้สภาพผิวมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย
- ไม่ใช้เวลากับจอมือถือหรือจอคอมพิวเตอร์นานจนเกินไป เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักมากเกินไป เกิดการหดเกร็ง จนทำให้เกิดริ้วรอยที่ดวงตาขึ้นได้ และทุกครั้งที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้ปรับแสงให้มีความสว่างพอดีกับดวงตาและเหมาะสมกับการใช้งาน
- หลีกเลี่ยงมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นพวกฝุ่นละออง ควันรถ หรือสารเคมีต่าง ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวหนังรอบดวงตาเกิดการระคายเคือง นำไปสู่ความหย่อนคล้อยและกลายเป็นริ้วรอยตามมานั่นเอง
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีสารพิษที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน อีกทั้งยังไปรบกวนกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวหนัง จนนำไปสู่ปัญหาเรื่องริ้วรอยและรอยตีนกาได้
- ไม่ควรใช้มือสัมผัสรุนแรงในบริเวณผิวรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นการขยี้ตาหรือถูตาบ่อย ๆ การเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองจนกลายเป็นริ้วรอยได้โดยง่าย

Q&A เกี่ยวกับวิธีลดรอยตีนกา
Q : ทำไมผู้หญิงแก่เร็วกว่าผู้ชาย ?
A : ในช่วงอายุ 30-40 ผู้หญิงจะแก่เร็วกว่าผู้ชายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้หญิงและผู้ชายมีฮอร์โมนแตกต่างกัน ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้ชายมีผิวมันมากกว่าผู้หญิง ทำให้ผู้ชายแก่ช้า และเมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ยังส่งผลให้ผิวผู้หญิงเหี่ยวย่นเร็วกว่าผู้ชายในวัยเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกคือ ผิวผู้ชายมันกว่าผู้หญิง เพราะผิวมันผิวมันทำให้แก่ช้า เพราะความมันคอยหล่อเลี้ยงผิวอยู่ตลอดเวลา ผิวผู้ชายยังมีสัดส่วนของคอลลาเจนหนาแน่นกว่าผู้หญิง ผิวจึงแข็งแรงกว่า รวมทั้งไม่หย่อนยานหรือย้วยได้ง่ายเท่าผู้หญิง รวมไปถึงธรรมชาติของผู้หญิงจะมีผิวที่นุ่มนิ่ม โดยเฉพาะบริเวณแก้มที่มีเยอะกว่าผู้ชาย เมื่ออายุเพิ่มขึ้นแก้มและชั้นไขมันจะหย่อนคล้อยลงไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงจึงดูแก่เร็วกว่าผู้ชายได้ง่ายค่ะ
สรุป การลดรอยตีนกา แบบธรรมชาติ เห็นผลจริงไหม ?
วิธีลดรอยตีนกาที่เราได้นำเสนอให้สาว ๆ ที่มีปัญหาผิวมีริ้วรอยรอบดวงตา ได้ลองนำไปทำตามดู วิธีทางธรรมชาติ นอกจากจะประหยัดเงินแล้ว ยังสามารถทำเองได้ที่บ้าน เพียงแต่อาศัยความขยันในการดูแลเอาใจใส่ทำเป็นประจำ เชื่อว่ารอยตีนกาก็ไม่สามารถเอาชนะความพยายามในการป้องกัน และดูแลเพื่อลดรอยตีนกาได้อย่างแน่นอน สาว ๆ ที่ชอบยิ้มกว้าง ๆ หัวเราะบ่อย ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะวิธีลดรอยตีนกาช่วยสาว ๆ ได้ค่ะ
เอกสารอ้างอิง
Watson K. (2018, September 17). How to get rid of wrinkles. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/how-to-get-rid-of-wrinkles
Cirino E. (2023, April 30). How to treat wrinkles naturally at home. Healthline. https://www.healthline.com/health/home-remedies-for-wrinkles
Ames H. (2020, May 14). How to get rid of wrinkles: Treatment and prevention. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/how-to-get-rid-of-wrinkles#_noHeaderPrefixedContent