ถ้าพูดถึง ไฮฟู (Hifu) เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนก็คงได้ยินหรือเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะในเรื่องการยกกระชับใบหน้า ไม่ว่าจะคลินิกไหน ๆ ก็มีเจ้าเครื่อง Hifu นี่เป็นตัวช่วยและนิยมทำกันในขณะนี้ บางคนอาจเคยหาอ่านข้อมูลมาบ้างแต่ยังไม่เคยได้ลองทำจริง ๆ ด้วยสรรพคุณข้อดีของ Hifu ที่มีอยู่หลากหลาย เช่น สามารถทำให้หน้ายกกระชับ หน้าเรียวได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เข็มฉีดสารเคมีใด ๆ เข้าสู่ร่างกาย ราคาไม่แพงมาก และมีความปลอดภัย แต่หลายคนก็ยังไม่มั่นใจว่า Hifu จะดี และเหมาะกับเราหรือไม่ ก่อนที่สาว ๆ จะตัดสินใจทำ Hifu เรามีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำเกี่ยวกับการทํา Hifu ที่ต้องรู้ไว้หากคิดจะทำ Hifu พร้อมเเล้วก็ตามมาดูเลยค่ะ

Hifu คืออะไร?
เป็นนวัตกรรมความงามที่ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องใช้การฉีด ซึ่งให้ผลลัพธ์เรื่องความอ่อนเยาว์ของผิวได้ดี ช่วยคืนความสดใส เพิ่มความกระชับให้ผิวหน้าและสัดส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น จึงช่วยลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ
เครื่อง Hifu ใช้พลังงานจากคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Hight Intensity Focus Ultrasound) โดยเครื่องจะส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ลงสู่ผิวลึกถึงชั้นไขมันและชั้นผิวที่ลึกที่สุด เรียกว่า SMAS เพื่อให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ลักษณะคล้ายกับการเย็บเนื้อเยื่อ กระตุ้นให้ผิวปรับโครงสร้างให้มีความกระชับ ยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้น จึงทำให้ Hifu มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทุกตำแหน่งแม้แต่รอบดวงตาที่มีความบอบบาง
หลักการทำงานของ Hifu
การปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS เพื่อให้เกิดความร้อน 45-70°C ทำให้ชั้นไขมัน และชั้น SMAS เกิดการหดตัว เสมือนเป็นการดึงหน้า บนผิวหนังชั้นนอกก็จะค่อย ๆ ยกกระชับขึ้น จึงช่วยทำให้ผิวหนังดูยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มห้อย เหนียง คอเหี่ยวย่น ซึ่งจะช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์มากขึ้น มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี

Hifu มีกี่แบบ กี่ยี่ห้อ ต่างกันอย่างไร
เครื่อง Hifu มีทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- Hifu ธรรมดา จะมีขนาดพลังงานจุดไข่ปลาที่ค่อนข้างเล็ก ไม่เกิน 0.5 mm ซึ่งอาศัยจำนวนครั้งในการทำที่มากกว่า เหมาะกับการทำในตำแหน่งที่มีพื้นที่เล็ก ๆ มากกว่า
- Sygmalift Hifu เครื่อง Hifu แบบนี้ รุ่น New Generation จะมีการปล่อยพลังงานแบบ Fractional Beam ที่ลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS ทำให้ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยในเรื่องการกระชับความหย่อนคล้อยได้ดี รู้สึกเจ็บน้อยกว่า
- Ultrafomer III หรือ Hifu Macrofocus จะมีการใช้คลื่นเสียงชนิดที่เรียกว่า MMFU (Microfocus and Macrofocus Ultrosound) ในการส่งพลังงานลงไปเพื่อทำการกระชับผิว ซึ่งหลังทำจะเห็นผลลัพธ์การกระชับผิวได้มากถึง 60 – 70% มีค่าพลังงานที่คงที่ จึงช่วยกระชับไขมันได้ นอกจากนั้นยังสามารถคงผลลัพธ์ได้ค่อนข้างนานประมาณ 1 ปี
Hifu เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการให้กรอบหน้าชัด ลดเหนียง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ที่ผิวไม่กระชับ มีริ้วรอย เช่น มีร่องใต้ตา มีร่องแก้ม
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ให้กับสภาพผิวหนัง และใบหน้า
- ผู้ที่กังวลเรื่องไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและตามร่างกาย
นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่มีแผลหลังทำ รวมถึงไม่ต้องใช้เทคนิคการฉีดหรือการผ่าตัด และยังเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับคนทุกวัย สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดร่องต่าง ๆ บนใบหน้าก่อนวัยได้

Hifu ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Hifu ยกกระชับผิวที่ลงลึกถึงชั้น SMAS และชั้นไขมัน ทำให้มีการกระตุ้นให้เกิดคอลลาเจนและปรับโครงสร้างผิวใหม่ ซึ่งผลลัพธ์จะช่วยกระชับผิว รวมไปถึงการช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนี้
- ลดความหย่อนคล้อยของผิว เกิดจากการที่โครงสร้างชั้นผิวขาดความยืดหยุ่น การทำ Hifu จะสามารถช่วยเร่งให้เกิดการยกกระชับผิวโดยการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ปรับเส้นใยให้แข็งแรงขึ้นได้
- ลดริ้วรอย ที่เป็นปัญหาผิว ซึ่งเกิดจากความหย่อนคล้อยของอิลาสตินในชั้นผิว การทำ Hifu จะสามารถช่วยยกกระชับ และลดความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นใหม่ได้ โดยเฉพาะริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า อย่างร่องแก้ม ร่องใต้ตา หรือเส้นบริเวณลำคอ
- กระชับรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ทำให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียน เพราะชั้นผิวแข็งแรงขึ้นหลังทำนั่นเอง
- ยกกระชับกรอบหน้า การทำ Hifu สามารถยกกระชับความหย่อนคล้อยของผิวได้ทั้งจากปัญหาเนื้อเยื่อและไขมัน เหมาะกับการทำเพื่อแก้ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ทั้งจากอายุที่มากขึ้น หรือจากการมีไขมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เช่นกัน
- แก้ปัญหาคางสองชั้น เนื่องจากการทำ Hifu สามารถช่วยกระชับผิวในชั้นไขมันได้ หากทำบริเวณคางก็จะช่วยลดการเกิดคางสองชั้นได้เช่นเดียวกัน
- ปรับผิวกระจ่างใสขึ้น หลังทำ Hifu ผิวจะมีการปรับโครงสร้างให้มีความแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลในเรื่องความกระจ่างใสได้อีกด้วย
Hifu ทำบริเวณไหนได้บ้าง
Hifu สามารถทำได้ทั้งบนใบหน้าและส่วนต่าง ๆ บนร่างกาย แต่ควรเลือกยี่ห้อ ค่าพลังงาน หรือหัวยิงความลึกที่เหมาะสมกับส่วนต่าง ๆ ที่ทำ ซึ่งเครื่อง Hifu ที่สามารถทำได้ทุกตำแหน่งแนะนำให้เลือก Ultraformer III หรือ Hifu Macrofocus จะเหมาะสมที่สุด โดยสามารถทำในบริเวณตำแหน่งต่าง ๆ ได้ดังนี้
- หน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย รอยย่นบริเวณหน้าผากที่จะส่งผลทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น
- รอบดวงตา เพื่อช่วยแก้ปัญหาตีนกา และริ้วรอยแห่งวัย พร้อมช่วยยกหางตาขึ้น เพื่อแก้ปัญหาหางตาหย่อนคล้อยได้ดี
- แก้ม ช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับและเรียวขึ้น แก้ปัญหาลดไขมันแก้มย้อย แก้มหย่อนให้มีความกระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
- กรอบหน้า เพื่อสร้างกรอบหน้าที่ชัดเจนและเข้ารูปมากยิ่งขึ้น เพื่อทรงหน้าที่เรียว สร้างทรงหน้าวีเชฟ
- ใต้คาง แก้ปัญหาเหนียง หรือคางสองชั้นได้ ส่งผลให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
- คอ ช่วยลดปัญหาริ้วรอย รอยย่นที่คอ ทำให้ผิวหนังที่คอดูมีความอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
- ต้นแขน ช่วยแก้ปัญหาต้นแขนไม่กระชับ แขนดูใหญ่ รวมไปถึงช่วยกำจัดเซลลูไลท์ที่แขนได้ดี
- ต้นขา ช่วยกำจัดเซลลูไลท์และไขมันส่วนเกินที่ต้นขาได้ดี ทำให้ต้นขากระชับมากขึ้น
- หน้าท้อง ลดไขมันบริเวณหน้าท้องได้ดี ช่วยกำจัดเซลลูไลท์ให้ผิวหน้าท้องกระชับขึ้น
- รอบเอว ช่วยปรับขนาดรอบเอวให้เล็กและกระชับมากขึ้น ช่วยเพิ่มส่วนเว้า ส่วนโค้งให้ร่างกายมีสัดส่วนชัดเจนมากขึ้น
- สะโพก ช่วยปรับสะโพกให้กระชับเข้ารูปมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีหุ่นที่สมส่วน เข้ารูปหรือหุ่นวีเชฟ

Hifu, Ulthera กับ Thermage ต่างกันยังไง
Hifu Macrofocus, Ulthera และ Thermage ล้วนเป็นเครื่องยกกระชับผิวที่ส่งคลื่นพลังงานลงไปเพื่อช่วยให้เกิดการหดตัวของผิวได้คล้ายกัน แต่มีความต่างตรงความลึกในการส่งพลังงาน ลักษณะรูปแบบของคลื่นพลังงาน และความร้อน ซึ่งจะแตกต่างกันที่ขนาดของจุดที่ focus โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- Hifu มีพลังงานความร้อนระหว่าง 60 – 70 °C จะมีการปล่อยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ (High Intensity Focus Ultrasound Macrofocus) ในลักษณะของจุดไข่ปลาขนาด 0.5 – 1 mm ทำให้เกิดการหดของผิวตามทิศทางของเส้น จึงสามารถกำหนดตามแนวที่ต้องการได้ และสามารถลงลึกได้ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ ชั้นไขมัน และชั้น SMAS ซึ่งจะให้ผลลัพธ์นาน 5 – 6 เดือน
- Ulthera จะส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (High Intensity Focus Ultrasound) แบบจุดเช่นเดียวกัน แต่มีขนาดที่กว้าง 1 mm และส่งพลังงานความร้อน 65 – 70 °C สามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวจากความหย่อนคล้อยและริ้วรอยตามวัยได้ จะให้ผลลัพธ์นานถึง 1 ปี
- Thermage จะต่างออกไปจาก Hifu และ Ulthera เนื่องจากเป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ให้ความร้อน 45 – 47 °C และส่งพลังงานออกไปในแนวกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า จึงค่อนข้างเจ็บกว่า ซึ่งจะเห็นผลได้ดีในคนที่สามารถทนความเจ็บได้ในระดับสูง ให้ผลลัพธ์การคงสภาพผิวให้อ่อนเยาว์ เหมาะกับคนที่มีอายุมาก จะให้ผลลัพธ์นาน 1 – 2 ปี
การเตรียมตัวก่อนทำ Hifu
เมื่อศึกษาข้อมูลมาแล้ว การเตรียมตัวก่อนทำ Hifu มีดังนี้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- งดการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะจะช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ผิวใหม่ให้เป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น
- ก่อนทำควรงดแต่งหน้า ไม่ควรทารองพื้น ทาแป้ง หรือครีมบำรุงผิวหน้าอื่น ๆ
ขั้นตอนการทำ Hifu
ก่อนทำ Hifu จะมีการทายาชา ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บลงขณะทำ คนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ ปวด ๆ ใต้ผิวบริเวณที่ทำ นั่นแสดงถึงการยิงคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นใต้ไขมันผิวหนัง เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) เพื่อการยกกระชับผิว โดยจะใช้ระยะเวลาในการทำ 30-50 นาที
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Hifu
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการออกนอกสถานที่กลางแจ้ง 1 – 2 สัปดาห์
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง เพื่อป้องกัน UV อย่างสม่ำเสมอ
- แนะนำให้ทานยาแก้ปวด หากมีอาการตึงหรือรู้สึกเมื่อยบริเวณที่ทำ
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่ควรสัมผัสใบหน้าแรง ๆ หรือขัดถูผิวหน้า
- เลี่ยงกิจกรรมที่ผิวจะต้องสัมผัสความร้อนสูง

ทำ Hifu เห็นผลทันที จริงไหม
Hifu ถือเป็นตัวเลือกที่ดีและง่ายในการยกกระชับผิว การ Hifu กรอบหน้า จะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก โดยจะเริ่มเห็นผลทันทีหลังจากการทำ 20% ว่าผิวมีการยกกระชับขึ้น หลังจากนั้นภายใน 1-2 เดือน จะเห็นผลชัดเจนขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่เมื่อครบ 3-4 เดือน และหากต้องการให้ผิวยกกระชับขึ้นอีก ก็สามารถทำ Hifu เพิ่มได้ทุก ๆ 3 เดือน
Hifu ราคาเท่าไร
การทำ Hifu ราคาไม่แพงมาก จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 20,000 บาท ราคาขึ้นอยู่กับไลน์ที่ใช้ยิงมีปริมาณมาก น้อย ก็คิดราคาตามไลน์ ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้คลื่นเหมือนกัน การทำ Hifu เป็นการยกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด ถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายและตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า
Hifu ต้องทำกี่ไลน์ถึงจะเห็นผล
ในการทำ Hifu แต่ละครั้งนั้นจะใช้จำนวนไลน์ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน แต่โดยปกติแล้วแพทย์จะมีการแนะนำให้ใช้จำนวนไลน์เริ่มต้น ดังนี้
- บริเวณใต้ตาและแก้ม เริ่มต้น 300 ไลน์ต่อครั้ง
- บริเวณแก้มและเหนียง เริ่มต้น 300 ไลน์ต่อครั้ง
ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนของคนไข้ เพราะหากมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไขมันส่วนเกินเยอะมากก็ควรที่จะเพิ่มจำนวนไลน์ให้มากขึ้นเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและตรงตามความพึงพอใจของคนไข้

Hifu หลังทำกี่วันเห็นผล
หลังจากทำ Hifu ในครั้งแรกจะเห็นผลความเปลี่ยนแปลงทันที 20% จากการหดตัวของผิวหลังผ่านความร้อนสูง จะมีความรู้สึกเหมือนการจี่เนื้อบนกระทะ ซึ่งผลลัพธ์ของ Hifu จะเห็นผลได้ชัดเจนและได้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผ่านไปแล้ว 2 – 3 เดือน
Hifu กี่ต้องทำกี่ช็อต ถึงจะเห็นผล
ปริมาณช็อตในการทำ Hifu ให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน สภาพผิว หรือความหย่อนคล้อยในบริเวณที่ทำ ก่อนทำแพทย์จะช่วยประเมินและคำนวณปริมาณช็อตที่เหมาะสมให้ สำหรับคนที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนช็อตก็อยากแนะนำให้เลือกบริการการยิงแบบบุฟเฟต์ช็อต เหมาะกับคนที่อยากทำในพื้นที่กว้าง ๆ หรือมีปัญหาความหย่อนคล้อยที่ค่อนข้างเยอะ แต่ได้ราคาที่ถูกลงและคุ้มค่ามากขึ้น

Hifu อยู่ได้กี่เดือน
โดยทั่วไปแล้ว Hifu จะอยู่ได้นาน 5 – 6 เดือน และสามารถยืดระยะเวลาออกไปได้ถึง 1 ปี หากคนไข้สามารถทนต่อความเจ็บระหว่างทำได้นาน ก็จะยิ่งทำให้อยู่ได้นานขึ้น ประกอบกับการดูแลตัวเองหลังทำด้วยเช่นกัน
Hifu มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร
Hifu Macrofocus ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ดีจะเหมาะกับการทำตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 20 ปีขึ้นไป เพราะจะช่วยให้มีประสิทธิภาพ ชะลอความหย่อนคล้อย และแก้ปัญหาผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
- ยกกระชับผิวได้ดี โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือการผ่าตัด
- มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้ผิวไหม้
- หลังการทำไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่ทิ้งรอยช้ำไว้หลังทำ
- ลดริ้วรอยตื้น ๆ ได้ผลดี
- สามารถยกกระชับกรอบหน้า และสลายไขมันส่วนเกินได้
- สามารถทำบริเวณรอบดวงตาได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่กระทบกับการมองเห็น
- หลังการทำสามารถทำหัตถการอื่น ๆ ต่อได้
- สามารถทำซ้ำบ่อย ๆ ได้
ข้อเสีย
- ระหว่างทำต้องทนกับความเจ็บในระดับหนึ่ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้
- หลังการทำ 1 – 2 ชั่วโมง อาจมีรอยแดงตรงบริเวณที่ทำเล็กน้อย
- ต้องดูแลตัวเองหลังทำเป็นพิเศษในช่วงแรก ๆ เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคือง
ดูแลตัวเองหลังทำ Hifu
หลังการทำ Hifu เพื่อยกกระชับผิว สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติได้ทันที และควรระมัดระวัง ไม่ควรนวด หรือขัดถูใบหน้าแรง ๆ โดยคนไข้ที่ทำ Hifu ควรดูแลบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาผิวที่กระชับจากการทำ Hifu ให้คงอยู่ยาวนาน และต้องหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน รวมถึงไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวมีอายุก่อนวัย เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ Hifu
- ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบ แผลถลอก หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาน้อยกว่า 6 เดือน
- คนที่มีโรคประจำตัวที่เกิดจากการไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
- คนที่อยู่ระหว่างการใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
- คนที่มีอาการบกพร่องทางการรับรู้ความรู้สึก
Q&A เกี่ยวกับการทำ Hifu
Q : หลังทําไฮฟู นวดหน้าได้ไหม ?
A : ควรหลีกเลี่ยงการสตรีมซาวด์น่า หรือการนวดหน้าด้วยความร้อน และไม่ควรนวดหรือขัดถูใบหน้าแรง ๆ หลังจากการทำ 2 สัปดาห์
Q : หัตถการที่สามารถทำร่วมกับ Hifu ได้ มีอะไรบ้าง ?
A : การยกกระชับใบหน้าในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเท่านั้น หรือทำแค่ Hifu อย่างเดียว แต่สามารถทำ Hifu ควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโสแฟตเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ และควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
Q : หลังทํา Hifu ออกกําลังกายได้ไหม ?
A : สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ แต่ไม่ควรออกกำลังกายแบบหักโหม และไม่ควรออกกำลังกายในที่ร้อน จนทำให้เหงื่อออกมาก หรือมีการเช็ดหน้า หรือถูหน้าแรง ๆ ค่ะ

สรุป การทำ Hifu ดีจริงไหม ?
สำหรับคนที่ยังลังเลอยู่ว่า ทำ hifu แล้วจะดีจริงไหม? จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้ดีก่อนตัดสินใจทำ เนื่องจากการทำ Hifu เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ผิวเริ่มมีปัญหาไม่กระชับ รวมไปถึงคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้า อยากมีหน้าที่เรียว ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 20 ปีขึ้นไป มีความปลอดภัยสูง เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของคลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน และเลือกใช้เครื่อง Hifu ที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
เอกสารอ้างอิง
Cafasso J. (2019, February 4). Can high-intensity focused ultrasound treatment replace face lifts?. Healthline. https://www.healthline.com/health/hifu-for-face
Dresden D. (2020, April 29). What is a HIFU facial, and does it work?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/hifu-facial#what-is-it