เล็บขบเกิดจากอะไร? พร้อมวิธีรักษาเล็บขบง่าย ๆ ด้วยตนเอง แบบธรรมชาติ

จากที่ทุกคนรู้แล้วว่าเล็บมีไว้เพื่อป้องกันอันตรายให้กับนิ้ว ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่มีเส้นประสาทอยู่ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ แต่ถ้าเกิดเล็บทิ่มเข้าไปที่ผิวหนังข้างเล็บ ก็สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับเราได้ นั่นหมายถึงอาการของ เล็บขบ นั่นเอง สำหรับใครที่เคยเป็นเล็บขบ ก็คงพอจะรู้ว่าเล็บขบมันทั้งเจ็บปวด และทรมาน จะเดินไปไหนมาไหนก็ลำบาก อยู่เฉย ๆ ก็ยังรู้สึกปวด ยิ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ ไม่รีบรักษา เกิดการอักเสบ จนถึงขั้นที่มีหนองแล้วนั้น อาจจะต้องไปพบแพทย์ เพื่อทำการผ่าตัด หรือถึงขั้นถอดเล็บออกเลยก็มี เรียกได้ว่าเลี่ยงได้เลี่ยง แต่ถ้าเป็นแล้วก็ควรต้องรีบรักษาให้หายแบบด่วน ๆ เลยละค่ะ

แต่ทุกคนรู้ไหมคะว่า เล็บขบก็สามารถรักษาได้ด้วยตนเองได้แบบง่าย ๆ ด้วยการรักษาเล็บขบด้วยวิธีธรรมชาติ ทั้งง่าย ปลอดภัย และใช้งบน้อย แต่ก่อนจะไปดูวิธีรักษาเล็บขบด้วยวิธีธรรมชาติกันนั้น เรามาดูกันก่อนว่า เล็บขบคืออะไร มีสาเหตุเกิดจากอะไร และมีอาการแบบไหน ตามมาดูกันได้เลย

เล็บขบ คือ

เล็บขบ คือ

เล็บขบ (Ingrown Nail) คือ ภาวะที่ขอบเล็บเจริญเติบโตลึกลงไปในผิวหนังด้านข้างของนิ้ว เช่น การที่ขอบเล็บงอกไปเบียดเนื้อข้างเล็บ หรือเล็บเท้างองุ้มลงไป เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่นิ้วหัวแม่เท้า มุมหรือด้านข้างของเล็บเท้างอกเข้าไปในเนื้ออ่อน ทำให้มีอาการเจ็บปวด บวมแดงอักเสบ และอาจมีการติดเชื้อได้ หากอาการปวดรุนแรงหรือลุกลาม ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาและช่วยหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีอาการอื่นที่ทำให้เลือดไหลเวียนไปที่เท้าไม่ดี อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากขึ้น

เล็บขบเกิดจากอะไร

เล็บขบ เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการใช้ชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดเล็บขบนั้นมีดังนี้

  • การตัดเล็บที่สั้นเกินไป บางคนชอบตัดเล็บให้สั้นจนแนบเนื้อ หรือชอบตัดเล็บแบบชนิดแซะเนื้อมากเกินไป ตัดมุมเล็บมากเกินไป ซึ่งทำให้เล็บที่งอกออกมาใหม่กดลึกลงไปในเนื้อจนเกิดอาการอักเสบ
  • การใส่รองเท้าที่บีบรัด เช่น การใส่รองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าที่มีความบีบรัดจะทำให้นิ้วเท้าโดนกด และเล็บเท้าก็โดนกดจนอักเสบได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เล็บที่งอกใหม่ยังเสี่ยงที่จะทิ่มเข้าไปในเนื้ออีกด้วย
  • ไม่ดูแลสุขอนามัยของเท้า การปล่อยปะละเลยจนทำให้เท้าของเราไม่สะอาด อาจทำให้เกิดเชื้อราที่เท้าและนำมาซึ่งการเป็นเล็บขบได้เช่นกัน
  • การเกิดอุบัติเหตุกับเล็บเท้า เช่น เดินเตะเตียง หรือถูกของที่มีน้ำหนักหล่นใส่เท้า
  • การมีเล็บที่ผิดรูปโค้งงอมากกว่าปกติ รวมถึงความผิดปกติของพันธุกรรม
  • การมีหน้าเท้ากว้าง มีเนื้อรอบเล็บมากกว่าปกติ ซึ่งพบได้บ่อยในภาวะน้ำหนักเกิน
  • เล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่ทำให้กระดูกนิ้วเท้าทำงานหนักเกินไป เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล บัลเล่ต์
เล็บขบ เกิดจากอะไร

เล็บขบ อาการเป็นอย่างไร

เล็บขบ จะมีอาการ 3 ระยะ ตามความรุนแรงของอาการ ดังนี้

  • อาการเล็บขบ ระยะที่ 1 : บริเวณข้างเล็บจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย เมื่อสัมผัสหรือกดจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งในระยะแรกจะยังไม่มีหนอง
  • อาการเล็บขบ ระยะที่ 2 : ข้างเล็บจะมีอาการบวมมากขึ้นและเจ็บมากขึ้น อาจมีหนองไหลบริเวณเนื้อข้างเล็บ
  • อาการเล็บขบ ระยะที่ 3 : มีอาการเจ็บปวดและบวมแดงมาก โดยมีเนื้องอกเพิ่มขึ้นบริเวณข้างเล็บพร้อมอาการหนองไหล หรือบางรายที่มีอาการติดเชื้อรุนแรง จะมีอาการไข้ร่วมด้วย

คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคเอดส์ หากพบว่าตัวเองเป็นเล็บขบควรจะรีบพบแพทย์เพื่อรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะด้วยโรคประจำตัวที่เป็นอยู่อาจส่งผลให้มีอาการของเล็บขบที่รุนแรงขึ้นได้ โดยสามารถเกิดอาการขั้นรุนแรงจนติดเชื้อถึงกระดูกภายในได้เลยค่ะ

วิธีรักษาเล็บขบเบื้องต้นง่าย ๆ ด้วยตนเอง สำหรับอาการไม่รุนแรง

วิธีรักษาเล็บขบเบื้องต้น สำหรับคนที่ยังมีอาการไม่มาก เพียงแค่ปวดบวมแดงเล็กน้อย และยังไม่มีหนอง ไม่ได้ติดเชื้อรุนแรง สามารถรักษาได้เองตามปกติ ดังนี้

  • แช่เท้าในน้ำอุ่น หรือน้ำเกลืออุ่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด ประมาณ 10 นาที
  • ตัดเล็บส่วนเกินที่ไม่เจ็บออก เพื่อไม่ให้มีเศษผง หรืออะไรสกปรกค้างอยู่ เพราะเศษสกปรกนี้จะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงขึ้น
  • ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดเล็บให้สะอาด
  • หาวัสดุที่เล็ก ๆ บาง ๆ แข็ง ๆ พอสมควร เช่น เส้นด้าย ไหมขัดฟัน หรือไม้จิ้มฟันก้านบาง ๆ สอดเข้าไปใต้เล็บ งัดเอาเล็บที่ขบขึ้นมา ตรงนี้อาจจะรู้สึกเจ็บปวด ให้ค่อย ๆ ทำอย่างเบามือที่สุด
  • เอาสำลีสอดลงไปบริเวณที่เล็บมันจิกขบอยู่ จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้

วิธีรักษาเล็บขบง่าย ๆ ด้วยตนเอง แบบธรรมชาติ

หลังจากรักษาเล็บขบด้วยวิธีเบื้องต้น สำหรับคนที่มีอาการไม่รุนแรงไปแล้ว สำหรับใครที่อยากรักษาเล็บขบให้หายแบบพึ่งสายธรรมชาติ เราก็ได้รวบรวมวิธีรักษาเล็บขบแบบง่าย ๆ ด้วยตนเอง โดยวิธีธรรมชาติมาให้ด้วยเช่นกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. ใบพูล

ใช้ใบพลู ประมาณ 3-5 ใบ ตำรวมกับเกลือประมาณ 1 หยิบมือและพอกไว้บริเวณที่เป็นเล็บขบ จากนั้นใช้ผ้าพันเพื่อปิดแผลไว้ ควรทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-7 วัน อาการเจ็บปวดบริเวณเล็บขบจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายดี และเพื่อความสะอาดควรเปลี่ยนผ้าพันทุกวัน วันละสองเวลาเช้าและเย็น

2. ใบฝรั่ง

ใช้ใบฝรั่งสด 2 ใบ เกลือ 1/2 ช้อนชา ข้าวสุก 2 ช้อนโต๊ะ โขลกให้เข้ากัน จากนั้นพอกบริเวณที่เป็นเล็บขบจะช่วยบรรเทาอาการปวดหนึบ ๆ ลดอาการปวดแบบทรมานได้ดี

3. ไพล

นำไพล 1 แง่ง, เกลือตัวผู้ 7 เม็ด และข้าวสุก 1 กำมือ มาตำด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นพอกบริเวณที่เป็นแผลเล็บขบ ภายใน 20 นาที จะทำให้หนองแตกออกมาและหายปวดได้

4. มะนาว

ฝานมะนาวตรงส่วนหัวออกให้สามารถสอดนิ้วเข้าไปได้ ใช้มีดคว้านเอาเนื้อในออกเล็กน้อย จากนั้นทาปูนแดงบาง ๆ บริเวณที่เป็นเล็บขบ แล้วสอดนิ้วที่เป็นเล็บขบเข้าไปด้านในของมะนาว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ทำวันละ 2-3 ครั้ง เช้า-เย็น อาการเจ็บปวดจะดีขึ้น

5. น้ำเกลือ

แช่เท้าในน้ำอุ่­­นผสมเกลือ 1 ถ้วยตวง ประมาณ 10 นาที โดยเกลือจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบ และลดอาการเจ็บปวดลงได้ แต่หากยังไม่หายปวด แนะนำให้แช่เท้าในน้ำอุ่นได้บ่อยครั้ง สามารถแช่วันละ 4 ครั้งได้เลยค่ะ

6. ใบบัวบก

ใช้ใบบัวบกล้างสะอาด ตำให้แหลก แล้วพอกลงบนเล็บขบ ปล่อยให้แห้ง จากนั้นพันด้วยผ้าพันแผลทิ้งไว้ สรรพคุณใบบัวบกจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดอาการอักเสบของเล็บขบได้นั่นเอง

7. ขมิ้น

สรรพคุณของขมิ้น คือลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำง่าย ๆ เพียงผสมผงขมิ้น 3 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่นครึ่งกะละมัง แช่เท้านาน 15 นาที เพื่อช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด จากนั้นก็ให้ค่อย ๆ ตัดเล็บขบออกได้เลยค่ะ

8. น้ำมันมะกอก

สำหรับเล็บขบที่แข็ง ตัดออกยาก แนะนำให้ทาน้ำมันมะกอกเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังและเล็บให้ทั่ว แต่หลีกเลี่ยงการทาน้ำมันลงบนเล็บขบโดยตรงนะคะ น้ำมันมะกอกจะช่วยให้หนังหุ้มโคนเล็บนุ่มขึ้น และตัดง่าย ลดอาการบาดเจ็บหรือเล็บเป็นร่อง เป็นสันนูน ช่วยให้ตัดเล็บขบได้สะดวกขึ้นค่ะ

วิธีรักษาเล็บขบ

การป้องกันไม่ให้เกิดเล็บขบ

เล็บขบ อย่างที่ทราบกันแล้วว่าเป็นแล้วทรมานในการต้องทนเจ็บปวด เวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ต้องทนกับอาการเจ็บบริเวณเล็บขบ ดังนั้น สำหรับใครที่เคยเป็น ก็คงไม่อยากกลับมาเป็นอีกครั้ง หรือใครที่ยังไม่เคย ก็คงไม่อยากมีประสบการณ์ต้องทนความเจ็บปวดจากการเป็นเล็บขบ เพราะฉะนั้น จึงควรป้องกันการเกิดเล็บขบ ไม่ให้เกิดซ้ำ หรือลดโอกาสการเกิดกันดีกว่าค่ะ โดยหลีกเลี่ยง หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้

1. ตัดเล็บให้เป็นแนวตรง ไม่ควรตัดเล็บเป็นแนวโค้งเข้าไปลึก ๆ หรือตัดเล็บเท้าให้สั้นเกินไป ควรตัดให้ขอบข้างของเล็บออกจนสั้นกว่าตรงกลาง แล้วใช้ตะไบถูขอบเล็บให้หายคม และแนะนำให้แช่เท้าในน้ำก่อนตัดเล็บ เพื่อให้เล็บอ่อนตัว จะช่วยให้ตัดเล็บง่ายขึ้น 

2. เลือกใส่ถุงเท้ารองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่คับเกินไป หัวรองเท้าไม่บีบนิ้วเท้าจนเกินไป และหากต้องใส่รองเท้าส้นสูงก็ไม่ควรเลือกรองเท้าที่สูงเกินไป

3. รักษาความสะอาดของเท้าและเล็บเท้าอยู่เสมอ ถูสบู่ให้ทั่ว และล้างสะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรค แล้วเช็ดนิ้วเท้าให้แห้ง จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในซอกเล็บเท้าได้

4. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้เล็บไปชนกระแทก หรือเกิดการเสียดสีจนเล็บฉีกขาดได้

5. ถ้าเป็นคนที่มีโรคประจำตัวที่ทำให้รับความรู้สึกที่เท้าได้ลดลง เช่น มีอาการชาเท้า ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเลือกรองเท้าและวัดเท้าให้นะคะ เนื่องจากบางทีจะไม่รู้สึกว่ารองเท้าคับเกินไป

6. ถ้าต้องทำงานที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุที่เท้า เช่น ทำงานโรงงาน ควรใส่รองเท้าเซฟตี้ด้วย

7. ควรสำรวจเท้าตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเบาหวาน ซึ่งจะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เท้าได้ง่าย

การป้องกันไม่ให้เกิดเล็บขบ

สรุป การรักษาเล็บขบแบบง่าย ๆ ด้วยตนเอง โดยวิธีธรรมชาติ

การรักษาเล็บขบให้หาย ก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง สำหรับคนที่ไม่มีอาการรุนแรงมาก ก็ใช้วิธีเบื้องต้น ในการรักษา ส่วนสาว ๆ คนไหน หรือใครที่เป็นเล็บขบ แต่ชอบเน้นการดูแลแบบธรรมชาติ ก็สามารถรักษาได้ด้วยวิธีธรรมชาติที่เราได้บอกไปแล้ว ใด ๆ ก็ตามสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไม่เกิดเล็บขบคือ การตัดเล็บให้ถูกวิธี และหมั่นดูแลความสะอาด ไม่ให้เล็บยาว หรือตัดเล็บสั้นจนเกินไป รวมไปถึงการเลือกใส่รองเท้าให้พอดีกับเท้า แต่ถ้าเป็นเล็บขบแล้ว อย่าปล่อยให้อาการรุนแรงจนเกิดหนองที่บริเวณเล็บขบ เพราะอาจจะนำไปสู่การติดเชื้อ และต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาแบบด่วน ดังนั้น เมื่อรู้ว่าเป็นแล้วควรรีบจัดการรักษาด้วยตนเองก่อนเป็นการดีที่สุดค่ะ

เอกสารอ้างอิง

Mayo Clinic Staff. (2022, February 8). Ingrown toenails. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/ingrown-toenails/diagnosis-treatment/drc-20355908

Johnson S. (2019, March 8). Ingrown Toenails: Why Do They Happen?. Healthline. https://www.healthline.com/health/ingrown-toenail#prevention

พนมกร ดิษฐสุวรรณ์. (n.d.). เล็บขบ (Ingrown toenail / Onychocryptosis / unguis incarnates). Conference Inspiration Mastery. https://cimjournal.com/confer-update/ingrown-toenails/