13 วิธีแก้กลิ่นตัวแรง ด้วยธรรมชาติ คืนความมั่นใจ กลิ่นตัวหายแบบถาวร

กลิ่นตัวแรง เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็คงไม่อยากมีหรือให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะนอกจากจะเสียความมั่นใจแล้ว ยังทำให้รู้สึกแย่เพราะต้องทนกับกลิ่นเหม็นในร่างกายของตัวเองอีกด้วย และโดยเฉพาะกับประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน ซึ่งทำให้มีเหงื่อออกได้โดยง่าย และต่อให้เราอาบน้ำใหม่ยังไง อีกสักพักเหงื่อก็จะออกแทบจะในทันที และก็จะเริ่มสะสม กลายเป็นแบคทีเรีย จนเกิดเป็นกลิ่นตัวได้ในที่สุด โดยกลิ่นตัวไม่ได้ส่งผลแค่กับเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลกับคนรอบข้าง ทำให้เสียบุคลิก และเสียเสน่ห์ของตัวเราไปในที่สุด

ดังนั้น บทความนี้จะมาบอกเคล็ดลับวิธีแก้กลิ่นตัวแรง ด้วยธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหากลิ่นตัวให้หายแบบถาวร แต่เรามารู้กันก่อนว่ากลิ่นตัวคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร รวมไปถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ถ้าอยากรู้แล้วตามมาดูกันได้เลยค่ะ

กลิ่นตัวคืออะไร

กลิ่นตัว คืออะไร

กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มักเกิดขึ้นในช่วงวัยหนุ่มสาว เป็นผลมาจากต่อมเหงื่อในร่างกายที่ทำงานมากขึ้น เพื่อควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ โดยเฉพาะที่บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ เท้า หรือขาหนีบในระหว่างออกกำลังกาย รวมถึงการทำกิจกรรมในที่ที่มีอากาศร้อน เมื่อเหงื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังจึงทำให้เกิดกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น

กลิ่นตัวเกิดจากสาเหตุอะไร

กลิ่นตัวจะมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากต่อมเหงื่อ ซึ่งผิวหนังของเราจะประกอบไปด้วยต่อมเหงื่อที่สำคัญ 2 ต่อมคือ ต่อมเอกไครน์ และต่อมอะโพไครน์ โดยแต่ละต่อมจะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. ต่อมเอกไครน์ (Eccrine Gland) เป็นต่อมที่อยู่บนผิวหนัง และกระจายตัวอยู่ทั่วร่างกาย มีหน้าที่ผลิตเหงื่อในขณะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น เพื่อคลายความร้อนในร่างกาย เหงื่อที่ออกจากต่อมชนิดนี้จะไม่มีกลิ่น ซึ่งในเหงื่อจะมีน้ำและเกลือเป็นส่วนประกอบหลัก และจะระเหยไปเมื่ออุณหภูมิในร่างกายเย็นตัวลง อย่างไรก็ตาม เหงื่ออาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หากมีการรับประทานอาหารบางชนิดหรืออาหารที่มีสารโคลีนสูงเข้าไปในร่างกาย สารนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อขับไขมันออกมามากขึ้น เช่น เครื่องเทศ กระเทียม หัวหอม ผักชี หรือว่าดื่มเครื่องดื่มบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

2. ต่อมอะโพไครน์ (Apocrine Gland) เป็นต่อมที่พบมากในบริเวณของร่างกายที่มีเส้นขน เช่น รักแร้และขาหนีบ และจะเริ่มมีขึ้นในวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะปล่อยสารเคมีธรรมชาติที่มีชื่อว่าฟีโรโมน เหงื่อที่ออกจากต่อมอโพรไครน์จะมีปริมาณโปรตีนสูง จึงเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย ด้วยสาเหตุนี้ ผู้ที่ต่อมอโพรไครน์ทำงานมากจนผิดปกติจะมีกลิ่นกายเร็วกว่าผู้ที่ต่อมทำงานปกติ และเมื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังจะทำให้เกิดกลิ่นขึ้น

กลิ่นตัวเกิดจากสาเหตุอะไร

ปัจจัยกระตุ้นให้มีกลิ่นตัว

  • น้ำหนักเกินมาตรฐาน ทำให้เกิดเหงื่อง่ายกว่าคนทั่วไป
  • การมีภาวะเครียด โดยส่งผลให้ของเหลวที่ถูกขับออกมาดึงดูดแบคทีเรียได้มากกว่า
  • ยารักษาโรคบางชนิด ที่มีผลทำให้ร่างกายขับเหงื่อมากกว่าปกติ เช่น ยารักษาภาวะซึมเศร้า โรคเบาหวาน โรคตับหรือโรคไต เป็นต้น
  • การรับประทานอาหารที่มีรสจัด หรือกลิ่นแรง
ปัจจัยกระตุ้นให้มีกลิ่นตัว

13 วิธีแก้กลิ่นตัวแรง ด้วยธรรมชาติ คืนความมั่นใจ กลิ่นตัวหายแบบถาวร

เมื่อทราบสาเหตุการเกิดกลิ่นตัวแล้วว่ามาจากสาเหตุอะไร ดังนั้น เราก็ควรแก้ปัญหาด้วยวิธีแก้กลิ่นตัวแรง ด้วยธรรมชาติ ที่เรานำมาบอก ซึ่งเป็นวิะีที่สามารถทำได้เองที่บ้าน และง่ายต่อการหาวัตถุดิบจากธรรมชาติ ปลอดภัย แล้วยังช่วยให้กลิ่นตัวหายขาดแบบถาวรอีกด้วย

เปลือกมะนาว

1. เปลือกมะนาว

ฝานเปลือกมะนาวบาง ๆ แล้วบีบเอาน้ำออก จากนั้นเอาเปลือกมะนาวมาถูกับรักแร้ หรือบริเวณที่มีกลิ่นตัวให้ทั่ว แล้วรอสักพักจนแห้ง ทาทับด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบริเวณรักแร้ หรือบริเวณที่มีกลิ่นตัว ก็จะช่วยลดเรื่องเหงื่อออกมากในบริเวณนั้นได้

ขิง

2. ขิง

ขิงมีสรรพคุณในการช่วยต้านแบคทีเรีย จึงช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดบนผิวกายได้ โดยวิธีใช้คือ นำขิงแห้งมาบดให้เป็นผง แล้วนำมาผสมกับเบกกิ้งโซดาในปริมาณเท่า ๆ กัน จากนั้นนำมาทาเป็นแป้งที่ใต้วงแขน ข้อพับต่าง ๆ เพื่อช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ต้นกำเนิดของกลิ่นกาย แถมขิงยังมีสรรพคุณช่วยลดความอับชื้นจึงสามารถหมดกังวลเรื่องเหงื่อและกลิ่นตัวที่มักจะมาพร้อมกันได้เลย

ขมิ้น

3. ขมิ้น

ในขมิ้นมีน้ำมันหอมระเหย Tumerone ซึ่งมีสรรพคุณช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี และยังช่วยบรรเทาอาการผดผื่นคัน แถมยังช่วยบำรุงผิวได้อีกด้วย ซึ่งวิธีใช้คือ นำขมิ้นชันไปตากแห้ง แล้วนำมาบดให้เป็นผง จากนั้นนำมาทาใต้วงแขน หรือบริเวณที่อับชื้นอย่างข้อพับ เท่านี้ก็จะช่วยระงับกลิ่นตัวได้แล้วค่ะ

สะระแหน่

4. สะระแหน่

สารสกัดจากสะระแหน่มีคุณสมบัติเป็นยาดับกลิ่นตามธรรมชาติ ดังนั้นเราจึงสามารถนำสารสกัดจากสะระแหน่มาใช้ในการดับกลิ่นตัวได้ วิธีใช้คือ นำสารสกัดจากสะระแหน่ประมาณ 2-3 หยด ใส่ลงในอ่างอาบน้ำ แล้วลงไปแช่ตัวประมาณ 5 นาที หรือจะใช้ใบสะระแหน่สดปริมาณ 2 กำมือ มาต้มกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นนำมาผสมเป็นน้ำอาบ เพื่อดับกลิ่นตัวก็ได้เช่นกันค่ะ

ใบพลู

5. ใบพลู

ใบพลูมีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้หลายชนิด โดยวิธีใช้คือ ให้นำใบพลูมาขยี้ให้แหลกแล้วนำมาทารักแร้หลังอาบน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะช่วยลดกลิ่นตัวได้แล้วค่ะ

6. ใบฝรั่ง

ใบฝรั่งมีคุณสมบัติช่วยระงับกลิ่นตัวได้ วิธีใช้คือ นำใบฝรั่งประมาณ 10 ใบ มาโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำมาทารักแร้ หรือบริเวณที่มีกลิ่นตัว ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วอาบน้ำให้สะอาด กลิ่นตัวก็จะค่อย ๆ หายไป

ตำลึง

7. ตำลึง

ตำลึงเมื่อผสมกับปูนแดงในปริมาณเล็กน้อย จะมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรียและระงับกลิ่นกายได้ วิธีใช้คือ นำต้นตำลึงสด ๆ ประมาณ 1-2 กำมือมาตำจนละเอียด แล้วผสมกับปูนแดงเล็กน้อยพอให้เข้ากันดี จากนั้นนำมาทาใต้วงแขน หรือบริเวณขาหนีบ ทิ้งไว้สักครู่จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำติดต่อกันสัก 1 สัปดาห์ เพื่อช่วยระงับกลิ่นตัวให้ดีขึ้น

เปลือกมังคุด

8. เปลือกมังคุด

เปลือกมังคุดมีสารแมงโกสตินที่ช่วยลดอาการอักเสบและมีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย วิธีใช้คือ นำเปลือกมังคุดแห้ง 1 ส่วน ต้มกับน้ำ 3 ส่วน จากนั้นเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนปริมาณน้ำลดลงเกินครึ่งแล้วกรองเอากากออก พอได้น้ำต้มเปลือกมังคุดมาแล้วให้ผสมกับน้ำเปล่า 20 ลิตรแล้วใช้อาบน้ำ หรือจะนำเปลือกมังคุดแห้งประมาณ 1-2 กำมือ มาต้มก็จะได้น้ำเปลือกมังคุดเข้มข้น นำมาใช้ทาบริเวณใต้วงแขน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้กลิ่นตัวลดลงได้แล้วค่ะ

มะขามเปียก

9. มะขามเปียก

มะขามเปียกมีฤทธิ์ในการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี แล้วยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่ให้เกิดการหมักหมม อันเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เหงื่อ และความอับชื้นได้อีกด้วย โดยวิธีใช้คือ นำมะขามเปียกมาคั้นน้ำให้ได้ปริมาณพอเหมาะ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วใช้น้ำมะขามเปียกทำความสะอาดแทนสบู่ตอนอาบน้ำ เน้นถูหรือขัดบริเวณใต้วงแขนและข้อพับให้มากหน่อย จากนั้นก็ล้างออกให้สะอาด

สารส้ม

10. สารส้ม

สารส้มเป็นของดีจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ใต้วงแขน หรือบริเวณที่มีกลิ่นตัวได้อย่างดีเยี่ยม มีทั้งแบบก้อน, แบบแท่ง, แบบผง, แบบน้ำ และแบบสเปรย์ ซึ่งจะใช้หลังอาบน้ำ จะดับกลิ่นได้ดีที่สุด นอกจากนั้นยังช่วยทำให้รักแร้ขาวได้อีกด้วยค่ะ

11. ปูนแดง

ปูนแดงมีคุณสมบัติช่วยลดกลิ่นตัวได้ดี วิธีใช้คือ นำปูนแดงผสมกับน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาทารักแร้หลังอาบน้ำ หรือจะใช้ปูนแดงและใบตำลึงนำมาตำผสมกัน ใช้พอกรักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด ซึ่งความเป็นด่างของปูนแดงจะช่วยปรับภาวะกรดในร่างกายให้ขับแบคทีเรียออกมาบนผิวได้ แต่ระวังอย่าใช้ปูนแดงในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะอาจจะกัดผิวได้ค่ะ หากทำเป็นประจำกลิ่นตัวก็จะหายไปอย่างถาวร นอกจากนั้นยังช่วยให้ขนรักแร้ลดน้อยลงอีกด้วย

เบกกิ้งโซดา

12. เบกกิ้งโซดา

มีคุณสมบัติช่วยขจัดกลิ่นตัวได้ วิธีใช้คือ นำเบคกิ้งโซดามาผสมกับน้ำเล็กน้อยให้พอมีเนื้อข้น แล้วนำมาทาบริเวณรักแร้ หรือบริเวณข้อพับ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด เบคกิ้งโซดาจะช่วยลดกลิ่นตัว และทำลายแบคทีเรีย แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ด้วย

มะเขือเทศ

13. มะเขือเทศ

มะเขือเทศก็มีคุณสมบัติในการช่วยระงับกลิ่นกายได้ วิธีใช้คือ นำมะเขือเทศขนาดเท่าผลส้มประมาณ 5 ผล ใส่น้ำ 2 แก้ว นำมาปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำมาเทผสมกับน้ำในอ่างอาบน้ำ จากนั้นลงไปแช่ประมาณครึ่งชั่วโมง หากทำเป็นประจำก็จะช่วยลดกลิ่นตัวให้ค่อย ๆ จางหายไปได้

การรักษาและป้องกันการเกิดกลิ่นตัว

นอกจากรู้วิธีแก้ปัญหากลิ่นตัวแรงแล้ว ก็จำเป็นต้องรู้ถึงการดูแล และป้องกันการเกิดกลิ่นตัว เพื่อนำความมั่นใจกลับคืนมา ให้กลิ่นตัวหายไปแบบถาวร จะมีการดูแลอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ผักชะอม กระเทียม เครื่องเทศ เนื่องจากจะทำให้มีกลิ่นออกมาจากเหงื่อได้ ซึ่งอย่างคนที่รับประทานเครื่องเทศมาก ๆ ก็จะมีกลิ่นเหงื่อที่เป็นกลิ่นเครื่องเทศออกมาด้วยนั้นเอง ต้องลองปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารดู
  • ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินกำหนด ควบคุมอาหาร ลดน้ำหนักไม่ให้มีน้ำหนักเกิน ยิ่งมีน้ำหนักเยอะ ก็ทำให้มีกลิ่นตัวมาก ซึ่งอาจจะเกิดจากอากาศที่ร้อน แล้วทำให้มีเหงื่อง่าย รวมทั้งบริเวณซอกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากผิวหนังที่ย้อยไปปิด ทำให้อับชื้น ต้องดูแลให้ดี ๆ เพราะอาจเกิดเชื้อราได้ง่ายอีกด้วย
  • หลีกเลี่ยงความเครียด หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด และตื่นเต้น เนื่องจากความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และเหงื่อออกมาก ในกรณีที่เกิดภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ แพทย์อาจจำเป็นต้องใช้ยา เช่น  glycopyrrolate (Robinul) ทานเพื่อลดอาการ จะสามารถทำให้ลดเหงื่อจากความตื่นเต้นนี้ได้ แต่ผลข้างเคียงคือทำให้ปากแห้งมาก
  • การรักษาสุขอนามัยให้สะอาด ล้างทำความสะอาดบริเวณรักแร้ และขาหนีบ จะช่วยลดปริมาณสารก่อกลิ่นที่หลั่งจากต่อมเหงื่อได้
  • เลือกใช้สบู่ฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยลดปริมาณแบคทีเรีย แต่ไม่ควรใช้สบู่บ่อยจนเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงอากาศร้อน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่ร้อนจัด อับชื้น อากาศไม่ถ่ายเท
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ใช้หลังจากทำความสะอาดร่างกายแล้ว สารระงับกลิ่นกายจะมีส่วนประกอบหลักคือ อลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminium Chloride) จะช่วยลดการผลิตเหงื่อ บางผลิตภัณฑ์จะผสมสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสารที่ให้กลิ่นหอมด้วย สำหรับคนที่แพ้น้ำหอมควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือเลือกใช้สารส้มแทนได้
  • ทำความสะอาดเสื้อผ้าให้ดี โดยเฉพาะเสื้อตัวที่มีกลิ่นติดอยู่ ให้ซักด้วยวิธีการซักมือและเน้นซักบริเวณใต้วงแขนทั้งสองข้างหรือบริเวณข้อพับต่าง ๆ ให้สะอาดและไม่มีกลิ่น ส่วนเสื้อผ้าที่ไม่มีกลิ่นก็ให้ซักด้วยเครื่องซักผ้าตามปกติ และไม่ควรใส่ผ้าแน่นจนเกินไป ส่วนตอนตากผ้าก็ควรตากที่ในโล่งโปร่งและตากให้แห้งสนิท
  • การโกนขนหรือทำเลเซอร์ ควรโกนขนบริเวณรักแร้หรือทำเลเซอร์กำจัดขน เพื่อป้องกันแบคทีเรียและการสะสมของสารก่อกลิ่น ที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว
  • การฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum toxin) แพทย์จะฉีดสารนี้ที่ใต้ผิวหนังบริเวณรักแร้ เพื่อลดการทำงานของต่อมกลิ่น เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี โดยวิธีนี้จะไปช่วยยับยั้งสารที่หลั่งออกมาควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดการหลั่งของเหงื่อ เพราะฤทธิ์ยาจะช่วยให้ขับเหงื่อน้อยลง โดยสามารถลดเหงื่อได้มากถึง 83% ทำให้มีกลิ่นตัวลดลง แต่จะต้องฉีดซ้ำเรื่อย ๆ ทุก 3-6 เดือน ราคาทำต่อครั้งก็ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
  • การผ่าตัดเอาต่อมกลิ่นออก เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี แต่อาจมีผลข้างเคียงหลังการรักษา เช่น ทำให้มีแผลเป็น อาจเกิดการติดเชื้อ และต้องทำการรักษาโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีราคาในการรักษาสูง
การป้องกันการเกิดกลิ่นตัว

Q&A เกี่ยวกับวิธีแก้กลิ่นตัวแรง

Q : เหงื่อออกแบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ ?

A : การที่เรามีเหงื่อออก เป็นเรื่องปกติตามกลไกของร่างกาย ที่จะมีการขับเหงื่อออกมาเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เย็นลง แต่ถ้าคุณนั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แล้วยังเหงื่อออก ทั้งที่ไม่ได้มีอาการเหนื่อย ตื่นเต้น หรือตกใจใด ๆ หรืออยู่นิ่ง ๆ ก็เหงื่อไหลเป็นหยดจากมือ รักแร้ ขาหนีบ และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นอาการผิดปกติ และอาจเข้าข่ายภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (hyperhidrosis) ได้นั่นเอง

Q&A เกี่ยวกับวิธีแก้กลิ่นตัว

Q : กลิ่นตัวบ่งบอกอะไร ?

A : กลิ่นตัวก็สามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ต่างกันได้ เช่น กลิ่นขนมหวานหรือกลิ่นผลไม้ เป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน, กลิ่นคาวปลา จะเกิดจากการทานโปรตีนที่มีแบคทีเรียสูงเกินไป เช่น แหนม ปลาร้า ปลาส้ม เป็นต้น, กลิ่นไข่เน่า อาจเกิดจากการที่ทานเนื้อสัตว์เยอะ ทำให้ร่างกายทำงานหนัก ลำไส้ไม่ย่อย, กลิ่นเขียวขมคอ อาจเป็นสัญญาณว่า ตับ กำลังมีปัญหา อาจส่งผลให้ระบบย่อยในร่างกายไม่ดีตามไปด้วย หรือกลิ่นละมุด เป็นสัญญาณว่าระบบขับถ่ายในร่างกาย ขับสารพิษจากแอลกอฮอลล์ได้ลดลง ทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ โรคไตมากขึ้น

การแก้กลิ่นตัวแรง

สรุป การแก้กลิ่นตัวแรง ให้หายแบบถาวร

การแก้ปัญหากลิ่นตัวแรง ให้หายขาดแบบถาวรนั้น ต้องอาศัยความขยัน และหมั่นดูแล รักษาความสะอาดร่างกาย รวมไปถึงการใช้วิธีแก้กลิ่นตัวที่เราได้บอกไป นำไปทำตามเป็นประจำ แต่ถ้าหากต้องการแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็วก็อาจจะไปพึ่งวิธีทางการแพทย์ โดยการเลเซอร์ หรือการผ่าตัดเพื่อรักษากลิ่นตัวแรง ซึ่งก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ก็แล้วแต่ทางเลือกของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม การพึ่งวิธีแก้กลิ่นตัวแรง ด้วยธรรมชาติ นอกจากจะราคาถูก หาได้ง่าย และทำเองได้แล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วยค่ะ

เอกสารอ้างอิง

Cleveland Clinic Medicals Professional. (2022, April 3). Body Odor. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/17865-body-odor

WebMD Editorial Contributors. (2023, February 13). Tips for reducing body odor. WebMD. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/reduce-body-odor

Felman A. (2023, April 24). What to know about body odor?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/173478